8/08/2009

Turkey II - Istanbul & Cappadocia

ความเดิมเล่าถึง ประเทศกรีก และตุรกีเมื่อปี 2004 ตอนนั้น ยังติดใจตอนบนของประเทศ ก็เลยอยากไปเยือนอีก โดยเฉพาะ อิสตันบูล (Istanbul) และเมืองโบราณคัปปาโดเกีย (Cappadocia) พอมาปี 2009 จังหวะดีก็ได้ไปจริงๆ ด้วย ตอนนั้นกลับจากงานรับปริญญาที่ ANU ซึ่งตอนนั้นแม่ก็อยู่ด้วยที่แคนเบอรร่า แตงเลยทำวิซ่าทางไปรษณีย์เรียนร้อยจากซิดนีย์ ตอนแรกก็กังวลไม่ค่อยอยากส่งหนังสือเดินทางไปทางไปรษณีย์ แต่ก็ไม่มีปัญหา เราไปจาเมืองไทยด้วย สายการบินประจำชาติตุรกี (Turkisk Airlines) จริงๆแล้วที่หมายคือ ประเทศรัสเซีย แต่เพราะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบูลอยู่แล้ว ก็ขอลงซะ 4-5 วันซะเลย เพิ่มเงินเพียงนิดหน่อย ฝันก็เป็นจริงได้


เล่าถึง เมืองอิสตันบูลหน่อยว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศ เป็นดินแดนสองทวีป ครอบคลุมพื้นที่ทั้งเอเชียและยุโรป(ไม่ใช่เมืองหลวง อย่างที่คนเข้าใจ ซึ่งคือ กุรงอังการา Ankara) เมืองอิสตันบูลเดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล Constantinople ในสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในสมัยต่อ กรุงคอนสแตนติโนเปิล ตัวเมืองได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้งใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมแบบมุสลิม ชื่อของเมืองเปลี่ยนเป็นอิสตันบูล ในสมัยของจักรวรรดิออตโตนันอิสตันบูลได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างมาก

นั่งเครื่องจากเมืองไทยไปถึงอิสตันบูลตอนเช้าตรู่ หลังจากเกือบ 10 ชั่วโมงบนเครื่อง ด่านตรวงคนเข้าเมืองคนเยอะมาก เจ้าหน้าที่ยังมาไม่ครบ ลัดคิงวกันให้วุ่น แตงกับแม่ก็อดทนไหนๆก็มาถึงเมืองเขาแล้วไม่อยากมีปัญหา ให้เสียอารมณ์ ชั่วโมงกว่าผ่านไปรับกระก็เตรียมตัวลุยเข้าเมือง ตอนนั้นวางแผนว่าไปเปิดโรงแรมให้แม่พัก แถว Sultahnamet แล้วก็ไปบริษัททัวร์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้เพื่อจัดการหาทางไปเมืองคัปปาโดเกีย ก็นั่งทั้งรถไฟต่อด้วยรถราง ซึ่งหน้าตาทันสมัยเกือบป้ายสุดท้ายไปลงที่ ป้ายนี้ค่อนข้างคึกคักเพราะเป็นป้ายเดียวกับสุเหร่าห์สีฟ้าที่มีชื่อเสียง (Blue Mosque) เดินเตร็ดเตร่ไปมาเจอโรงแรมเครือ Best Western ชื่อ Spectra ดูดีก็เลยเข้าไปต่อรองราคา ได้ลดเกือบ 30% ราคาแพงกว่า Youth Hostel ที่ดูมาไม่มาก แถมวิวห้องพักมองไปเห็นวิวสุเหร่าห์สีฟ้า ห้องอาหารดาดฟ้าเห็นทะเลมาร์มาร่า (Mamara)

แหล่งท่องเที่ยวหลัก ของอิสตันบูลคือ สุเหร่าสีฟ้า Blue Mosque ซึ่งว่ากันว่าก่อโดยช่างชุดเดียวกับทัชมาฮาล ได้ชื่อสีฟ้าไม่ใช่จากข้างนอก แต่งมาจากกระเบื้องสีฟ้าที่ใช้ตกแต่งภายใน สุเหร่านี้มีเสา 6 ต้นใหญ่อันดับต้นๆของโลก (เมืองเมกกะ มี 8เสา) ข้างกันมี ฮาเจีย โซเฟีย (Hagia Sofia) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์นิกายออร์โธดอกต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า สุเหร่าสีฟ้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาชนะวิหารเซ็นต์โซเฟียนี่เอง อีกที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง Topkapi ในอดีตเป็นที่พักของราชวงศ์ออตโตมัน มีฮาเร็มของนางใน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นก็มีแหล่งชอปปิ้งที่มีชื่อเสียง แกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) และตลาดเครื่องเทศ (Spice market) บ้านเมืองในอิสตันบูลเป็นห้องชุดเกือบหมดเลยล่ะ อยู่ลดหลั่นกันตามไหล่เขา มีสีสันมาก โดยเฉพะถ้าออกไปนอกเมืองตึกพักอาศัยเยอะไปหมด รานตา แต่เราจัดสรรได้ดี

เมืองที่ตั้งใจจะไปคือเมืองคาปาโดเกีย (Cappadocia) ซึ่งไปได้ทั้งทางเครื่องบินในประเทศ และ รถบัสกลางคืน จากอิสตันบูลไปถึงเช้า ซึ่งเตงก็ซื้อ แถวหลัง 3 ที่ นอนไปกับแม่ เพราะตารางเวลาสะดวกกว่าบินไปเยอะ เมืองแรกที่ไปถึงคือ เมืองโกเรเม่ (Goreme) เป็นหน้าผาที่ถูกกัดเซาะเป็นรูปร่างต่างๆ กระจัดกระจาย ซึ่งนับเป็นมรดกโลก เล่ากันว่าสมัยโบราณหลายล้านปีก่อนพื้นที่บริเวณนี้เป็นภูเขาไฟมาก่อนซึ่งลาวาที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ เถ้าถ่านมหาศาลทับถมกันเป็นชั้นๆ เวลาผ่านไปลาวาซึ่งมีความอ่อนถูกกัดเซาะจากธรรมชาติทั้งลม ฝน หิมะจนกลายเป็นกรวยหิน และเสา ร่องลึกหินที่มีช่องเล็กช่องน้อยเต็มไปหมด กระจัดกระจายอยู่ พอมาถึงรู้เลยว่าการที่แตงชอบดูธรรมชาติทั้ง Colour Canyon ที่อียิปต์ King's Canyon และ Pinnacle desert ที่ออสเตรเลีย ต้องมาจากความประทับใจในแพะเมืองผี บ้านเราสมัยเด็กๆแน่ แถวนี้มีขื่อเสียงเรื่องห้องพักแบบถ้ำ (Cave hotel) อุ่นสบาย รู้สึกเป็นธรรมชาติ

แตงซื้อแพคเกจทัวร์สองวันที่แรกที่ไปเห็นคือ ปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney) ไปเดินตะลุยที่ Red and Rose Valley วิวสวยงามมาก และตามด้วย พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแบบเปิด Open Air Museum รวมทั้งภาพวาดฝาผนังของศาสนาคริสต์ ที่ข้างในยังสีสดมาก หลังจากนั้นๆามเส้นไปดูวิวมุมกว้างของ Pigeon Valley ที่ Uchisar และแวะชม แหล่งรวมช่างปั้นหม้อและกระเบื้องดินเผาอาวานอส (Avanos) งานทุกชิ้นทำมือ ลายเขียนอันแสนละเอียดบนชิ้นกระเบื้อง

วันต่อมา บางคนก็ไปล่องบอลลูนชมวิวในตอนเช้าตรู่ แต่แตงกับแม่ขอนอนเอาแรงUnderground City ที่อยู่ในเมือง Derinkuyu เมื่อหลายพันปีก่อนการแผ่ขยายของอนาจักรกรีกและโรมัน ทำให้เกิดของเมืองใต้ดินนี้เพื่อหลบภัย เมืองใต้ดินที่นี่ถูกขุดลึกลงไปถึงแปดชั้น เป็นประตูหินที่หนัก 10 ตันเห็นจะได้เอาไว้ป้องกันการรุกรานแต่ลงไปได้เพียงแค่สี่ชั้นเพราะยิ่งลงไปยิ่งแคบและทรายถมทับ ต้องขอบอกว่ากลัวความแคบค่ะ (claustophobic เกือบไม่รอดมาครั้งหนึ่งตอนเดินลงไปใต้ฐามปิระมิด) แต่ในทัวร์มีเด็ก 8 ขวบไปด้วย แหมน้องเขาไม่กลัวเราก็อึดใจสู้! ข้างล่างแบ่งเป็นห้องๆคล้ายกับรังมด มีทั้ง ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องเก็บไวน์ อยู่กันหลายครอบครัวมาก ข้างล่างอุณหภูมิก็เหมาะไม่หนาวเกินไปตอนหน้าหนาว และไม่ร้อนเกินไปตอนหน้าร้อน
ปัจจุบันตุรกีรับเงินตุรกีลีล่า แต่นำเงินยูโรหรือดอลล่าร์มาแลกได้ตามที่รับแลกเงิน รู้สึกว่าเศรษฐกิจเขาดีขึ้นจากครั้งที่แล้วมาก ถามคนเขาก็บอก ไม่ยากเขาตัด 000,000 ออก เงินก็เห็น 1USD : 1.5 TL นอกจากนั้นครั้งนี้ก็ได้รู้จักสิ่งใหม่ๆ เช่น การแสดงหมุนของชาย Whirling อันเป็นการแสดงที่น่าชมรองมาจากระบำหน้าท้อง ยังนึกถึง กาแฟตุรกี ที่ต้มกับไฟอ่อนๆ ไม่ต้องกรองกากทิ้ง ทานกับ Turkish delight ที่หวานบาดใจ สูบบ้อง (hookah) รสแอ็ปเปิ้ลกับคนขายของไปด้วย

สรุปว่าประทับใจอย่างเคยค่ะ ดีใจที่ได้มีโอกาสมาที่ประเทศตุรกีครั้งที่สอง อย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในการเดินทางครั้งนี้คือความกังวล เนื่องจากก่อนเดินทางมาครั้งนี้เพื่อนพึ่งโดนขโมยของระหว่างเดินทางในยุโรป ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ต้องกลับเมืองไทยและกลับไปออสเตรเลียไม่ได้ ก็ทำให้ระวังตัวมากเกือบ ผู้ชายตุรกีมาถามว่าต้องการความช่วยเหลือไหม เราก็จะระแวงมาก โดยเฉพาะเราไปหลายเมืองและไปต่อประเทศรัสเซีย ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องรักษาความสมดุล ในการระวังตัวแต่ก็ยังสนุกกับการเดินทาง และให้เกียรติกับคนท้องถิ่นด้วย

0 Comments:

Post a Comment

<< Home