4/29/2009

Egypt, not once but twice..


ประเทศอียิปต์ (Egypt) อยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา มีแหลม Sinai เป็นรูปสามเหลี่ยมเชื่อมกับฉนวนกาซ่า (Gaza) และมีประเทศอิสราเอล (Isarael) ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลแดง (Red Sea) ทางตะวันออก มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ สิ่งมหัสจรรย์ของโลกเช่นปิระมิด ทะเลทราย วัด และสถาปัตยกรรมต่างๆ ภาษาตัวเขียน (Hieragraphic) เป็นมีมาหลายพันปี แตงกับแม่ไปอียิปต์เดือนมีนาคมเป็นทัวร์ท้องถิ่น กลัวมากว่าเขาจะไม่มารับเขามารับ แต่เขาก็มาตรงเวลาทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน สถานีรถไฟ ท่าเรือ เดินทางทั้งรถไฟ เรือ รถลาก ตอนนั้นแม่มาเยี่ยมที่เจนีวา และบินไปด้วยกัน 10 วันลงที่กรุงไคโร(Cairo) ซึ่งที่ท่องเที่ยวหลักอยู่แถวกิซ่า(Giza) มีปิรามิดที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีโอกาสได้เดินลงไปในดูหลุมศพข้างล่างปิรามิด เป็นครั้งแรกที่กลัวความแคบ (claustrophobic) ทางเดินค่อนข้างเตี้ย คนต่อแถวเข้าไปทางเดียว ยิ่งเดินยิ่งมืดยิ่งเดินยิ่งลึก ถอยกลับก็ไม่ได้ พอไปถึงก็เห็นแต่เป็นห้อง เพราะของมีค่าข้างในไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์หมด และตัวสฟิงส์ (Sphinx) พิพิธภัณฑ์อียิปต์ที่เป็ที่รวมของสำคัญจากทั่วประเทศ (eqyptian museum) บาซ่ารืของที่ระลึก Khalili bazaar นอกจากนั้นก็มีสถาปัตกรรมทางศาสนาที่ใหญ่มากคล้ายที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี Citadel of Salah Al-Din และมี โบสถ์แบบคอปติค (coptic church) ที่มีชื่อเสียงคือ The Hanging Church

เวลาเดินทาง จะแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาว เดือน พฤศจิกายน ถึงเดือนมีนาคม เพราะว่าเมืองทะเลทรายเวลาร้อนนี่กลางวันเกิน 40 ต้องดื่มน้ำตลอดไมอย่างนั้นร่างกายอาจเสียน้ำอย่างรุนแรงได้ (dehydration) แต่พอพระอาทิตย์ตกก็จะเย็นลงมาก เวลาออกไปเดินทะเลทรายต้องปกคลุมให้มิดไม่งั้นทรายเข้าตา หูจมูก ปาก และผิวไหม้แสบ สังเกตอีกอย่างคือ เพราะอากาศร้อนคนทานข้าวช้ามาก ข้าวเที่ยงนี่ต้องบ่ายมากๆ สำหรับคนท้องถิ่น จากการสังเกตไกด์ บ่ายๆ บางทีร้านรวงจะปิดพักซักหน่อยคลายจากอากาศร้อน ข้าวเย็นไม่ต้องห่วงเห็นเขาทานกันภึง 4 ทุ่ม อีกอย่าง เนื่องจจากประเทศอียิปต์คนส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม ช่วงเดือนรอมฎอน (Ramadan) ประมาณเดือนสิงหาคม หรือกันยายานแล้วแต่ปี ซึ่งคนที่นับถือจะไม่ทานอะไร (เป็นการเข้าใจถึงความเท่าเทียมกับคนที่ยากจนกว่า) จนดวงอาทิตย์ตกดิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวก็ควรทราบไว้ อาจจะหาอะไรทานยยากหน่อย และต้องให้เกียรติคนท้องถิ่นด้วย อีกอย่างคือเขาทำพิธีละหมาด 5 ครั้งต่อวัน ก็ต้องให้เกียรติและความเป็นส่วนตัวระหว่างนั้น

ที่น่าไปอีกที่คือเมืองที่ไม่ไกลจากกรุงไคโรคือ เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) แต่ไม่ไปครั้งนี้ แต่ไม่จากนั้นก็ล่องแม่น้ำไนล์ 3 วัน 3 คืน เป็นเรือใหญ่มีหลายชั้น นั่งดู นอนดูตีลังกาดูแม่น้ำ ความเป็นสีฟ้าของฟ้า ตัดกับสีเขียวของใบตองบนต้นกล้วยดินสีแดงเข้มและ แม่น้ำไนล์สีน้ำเงินเข้มไนล์ อียิปต์เป็นเมืองที่เพาะปลูก เกษตรกรรมโดยเฉพาะตามแม่น้ำไนล์ พื้นที่เป็นทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara) ไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัย คนจำนวนมากอยู่ตามเมืองใหญ่ และแวะลงตลอดทางเมืองแรกคือเมือง Esna และที่ประทับใจมากคือเมืองEdfu (มอบให้เทพ Horus สัญลักษณ์เป็นรูปนก ยังสมบูรณ์แบบมากๆ), Luxor เหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง มีสถานที่ที่น่าประทับใจหลายที่ Valley of the Kings, Valleys of the Queen ที่เป็นเขาที่เต็มไปต้วยหลุมศพของราชา และราชินี มีแค่บางหลุมที่เปิดให้ชม แต่เหลือแต่ห้องแล้วเพราะของข้างในห้อง (หลุมศพราชา ราชินี จริงๆแลวเต็ใปด้วย ข้าวของงินทอง) แต่ข้างในตามฝาพนังยังสีสดมาก เหมือนว่าถ้าเอาไปจับได้สีจะติดออกมาด้วย แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็น เวลาหลายพันปีแล้ว Karnak temple ก็มีชื่อเสียงโดยเฉพาะกลางคืนที่การแสดง แสง สี เสียงเล่าประวัติความเป็นมา นอกจากนั้นก็มี, Kom Ombo (เทพ Sobek ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นจระเข้ และ เทพ Haroeis ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นเหยี่ยว), วัดของราชินีฮัทชิบสุ (Hatchepsut) ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นสตรีที่ขึ่นครองราชย์นานที่สุดในปะวัติศาสตร์, Colossi of Memnon ที่เป็นรูปปั้นนั่งขนาดใหญ่มาก เรือ Cruise มีสระว่ายน้ำ ห้องรับแขกและกิจกรรมต่างๆให้ทำ และตอนเย็นสุดท้ายก่อนขึ้นท่า (disembark) ก็จะมีงานปาร์ตี้ที่ทุกคนในเรืออแบบท้องถิ่นทานอาหารค่ำและดูการแสดง ต่างๆเช่นระบำหน้าท้องของหญิงสาว และเต้นกลุ่มแบบชายหมู่ สนุกสนาน

ล่องแม่น้ำไนล์ไปเรื่อยๆ ก็จะถึงเมือง Aswan มีวัดที่มีชื่อเสียง Philae temple (มอบให้เทพ Isis) ซึ่งเคยจมอยู่ใต้น้ำและ UNESCO ร่วมกู้ขึ้นมา, Aswan ที่เขื่อนที่ใหญ่มาก (High Damn) และเป็นที่เล่นเรือใบที่สวยงาม (หินแกรนิตที่ตัดมาทำเป็นอนุเสาวรีย์ที่ตั้งขึ้น ตั้งหน้าวัดเชื่อกันว่าเหมือนเสาเอเทนนา (athenna) ที่คึงพลังลงมาบนพื้นโลก หนักกว่าพันตัน บางอันสูงกว่า 30 เมตร ทำ ไม่เสร็จเพราะเป็นรอยแตกไม่สามารถตัดออกมาเป็นชิ้นเดียวได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจ The unfinished obelisk of Aswan ) ไม่ได้ไปคือ Abu Simbel ซึ่งโดนย้ายมาจากที่จริง เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรักษาไว้เป็นสมบัติของโลก คนรุ่นหลังคงจะสงสัยมากว่าคนสมัยก่อนทำได้อย่างไรด้วยแรงคนเท่านั้นม่ใช้เทคโนโลยี บางราชาสร้างกันช่วงอายุคน และทุกที่ๆไปรูปที่วาดเหมือนกันหมดจากเหนือจดใต้กี่ยุคกี่สมัย ได้ดูสารคดีชิ้นหนึ่งเขาไปเจอที่ยังวาดไม่เสร็จที่ยังมีรอยตารางเป็นเหมือนตารางกราฟสีแดง ก็เลยไขปริศนาว่าเขาทำให้สัดส่วนเหมือนกันหมดทั่วประเทศข้ามเวลาได้อย่างไร ภาษาตัวเขียนภาพตัวเขียนที่ใช้รูปภาพของอียิปต์ (Egyptian hieroglyphs) ก็มีมาหลายพันปี กุญแจไขข้อความสำหรับคนรุ่นใหม่คือหลักศิลา The Rosetta Stone ซึ่งแปลเป็น 3 ภาษารวมทั้ง ภาษากรีก หลักศิลาเปิดให้คนทั่วไปชมที่ อยู่ที่พิพิภัณฑ์อังกฤษ (British museum) กรุงลอนดอน (London)
การทำมัมมี่ (mumification) ก็เป็นที่น่าสนใจมาก จากที่ไปดูพิพิภัณฑ์การทำมัมมี่ที่ Luxor ที่ติดตาก็คือ ไหสี่หัวที่เป็นรูปเทพเอาไว้ใส่เครื่องใน (canoppic jars) เชื่อกันว่าเทพจะช่วยดูแลอวัยวะในไห ส่วนร่างกายก็จะถูกคลุมด้วย natron เพื่อให้ร่างกายแห้งเร็วขึ้น นอกจากมัมมี่คนแล้กยังมีมัมมี่สัตว์ที่ค้นพบเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจะเป็นแมว คนสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยี CAT scan และ X-ray เพื่อดูข้างใน เป็นประโยชน์ในการศึกาสำหรัยนักชีววิทยา และนักมนุษยวิทยาให้เห็นสุขภาพและอายุขัยของคนสมัยก่อน การค้นพบที่ยิ่งใหญ่และเป็นข่าวไปทั่วโลก คือปี คศ. 1922 โดย Howard Carter กับหลุมศพที่สมบูณ์มากในประวัติศาสตร์ที่ Valley of the Kings ของ King Tutankhamun (ขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรย์ pharoah อายุประมาณ 10 ขวบ สวรรคต 10 ปีหลังจากนั้น) เราอาจจะเคยเห็นหน้ากากตามสารคดีเช่น National Geographic ถ้าพูดถึงอียิปต์โบราณบางคนอาจนีกถึง ราชินีที่สวยงาม Nefertiti (เป็นรองแต่เพียงพระนางคล๊โอพัครา Celopatra) เป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสีงมาก ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Altes กรุงเบอร์ลิน (Berlin) ประเศเยอรมัน เกล็ดอื่นที่น่าสนใจเช่นการแต่งตาแบบขอบดำเข้มของคนอียิปต์โบราณเชื่อว่าเป็นการไล่วิญญาณชั่วร้าย และเชื่อว่าทำให้เห็นชัดเจนขึ้นด้วย

ที่ท่องเที่ยวที่พวกเราลงไปไม่ถึงซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Aswan คือรูปปั้นที่ Abu Simbel เป็นวัดคู่ที่สลักจาภูเขา ในช่วงฟาโรต์ Ramesses II คู่กับและราชินี Nefertari ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจในความสามารถของคนสร้าง และคนย้าย เพราะว่า หลังจากมีน้ำท่วมจากเขื่อนเก่าที่ Aswan พอมีการสร้างเขื่อนสูง ในช่วงปี 1960 UNESCO ซึ่งดูแลสมบัติของโลก ก็ได้ทำการคลื่อนย้ายทั้งสี่รูปปั้น ในสภาพคงเดิม แต่ไปที่ที่สูงขึ้นประมาณ 20 เมตร แสดงให้เห็นความพยายามและความรับผิดชอบของคนรุ่นใหม่ที่จะรักษาให้คนรุ่นหลังต่อไป


Egypt Take II ครั้งที่สอง (ติดใจมากๆ)

ครั้งที่สองไปอียิปต์ทางแหลมสินาย (Sinai) ไปลงเมืองท่องเที่ยวชื่อ ชามมาเชค (Sharm-el-sheirk) เป็นเมืองรีสอร์ทตอนนั้นไปช่วงคริสต์มาสหนีหนาวจากเจนีวา เป็นปีเดียวกับตอนไปครั้งแรก คือปี 2004 พอดึไปดูที่บริษัททัวร์แล้วเขามีแพคเกจที่น่าสนใจ รวมตั๋วเครื่องบินและที่พักตอนนั้นประมาณ 1,000 สวิสฟรังต์ ตอนนั้กก็ว่าจะไปซื้อทัวร์ท้องถิ่นเอาข้างหน้าพอไปถึง พอลงไปถึงก็ประทับใจมาก ข้างหนึ่งเป็นทะเล ข้างหนึ่งเกือบจะเหมือนเป็นภูเขาทะเลทรายแปลกตามาก


จำได้ว่าตอนไปถึงมีคนมารับ ขับรถผ่านะเลทราย เรากลัวมากเขาก็คงรู้ทำท่าภาษามือบอกว่าเขาไม่กอดไม่จูบ เราหรอก ก็ดล่งไป เดินทางคนเดียวก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพอไปถึงก็จัดการหาบริษัททัวร์ ดูโปรแกรมรายวันซึ่งประมาณวันละ 50 เหรียญสหรัฐ เราก็จัดโปรแกรมสลับกัน วันหนึ่งดำน้ำ อีกวันก็ออกไปทัวร์ภูเขาและทะเลทราย


สำหรับแตงเหมือนในฝัน ถ้าอออกไปทางภูเชาซินาย (Mount Sinai) ที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่ไปตามทัวร์ต้องมีคือ St Catherine's Monastery ที่เมือง Dahub เป็นสถานที่มีต้นไม้ที่ถูกเผาที่เก่าแก่เกือบจะมากที่สุดในศาสนาคริสต์ นอกจากนั้นถ้าออกไปทาง Ras Abu Galum ก็มี เชิงผาสี (Coloured Canon) ทีเป็นเหมือนภูเขาทรายน่าดูมาก มีสีสรรที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงๆ เป็นริ้วสีเหลือง แดง น้ำเงิน เขียว ตอนนั้นไปค้วยรถจี๊ป ก็เลยปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคากัน เห็นวิวกันชัดมาก พอตกเย็นก็มีกินอาหารท้องถิ่นของชาวเบดวน (Beduin) คล้ายๆบาร์บีคิว กับเตาไฟ และมีการแสคงท้องถิ่น อันหนึ่งที่ชอบมาเป็นผู้หญิงใส่กระโปรงยาว เวลาเธอเต้นไปหมุนไป กระโปรงก็จะเห็นเป็นหลายสี คิดไปคิดมาก็เหมือนหน้าผาสีที่เพิ่งไปดูมา ไม่รู้เขาตั้งใจแบบนั้นหรือเปล่า นอกจากนั้นก็มีที่ขี่อูฐทั้งหมด 8 กิโลเมตรเดคินตามชานหาดหิน เป็นครั้งแรกที่กลัวอุบัติเหตุมาก อูฐนี่มีกลิ่น แต่นั่ง สบาย เวลนั่งเอกมือไปลูบที่หลังเขาจะเป็นขนเล็ก นั่ง สบาย เวลานั่งต้องโยกตามเขาจะได้ไม่เวียนหัว นั่งอูฐนี่สูงกว่าพื้นดิน เยอะ ถ้าตกลงมาอาจเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างนั่งก็พยายามไม่ขืนเขา และก็คิดว่าถ้าตกนี่จะเอามือลงท่าไหนดีจะป้องกันหัวได้

ครึ่งหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้อยู่บนบก อีกครึ่งหนึงอยู่ใต้น้ำ นั่นก็คือในทะเลแดง เป็นความสวยงามทางธรรมชาติที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ จำได้ว่าลงไปครั้งแรกนี่ ไปกับเรือดูปะการังเป็นแบบที่มีกระจกข้างล่าง เป็นแบบปะการังน้ำตื้นแล้วเจอปลา นโปเลียนตัวใหญ่มากเลยขอเขากระโดดลงจากเรือตามไปดูปลา ตอนนั้นไม่ต้งใช้ชูชีพด้วยซ้ำเพราะ ทะเลแดงขึ้นชื่อในความเค็มลงไปแล้วก็ลอยจรองๆ ด้วย ครั้งที่สองไปดูเรือดำน้ำดูปะการังน้ำลึก โอ้โหสุดยอด เยอะมากสีสรรงดงาม ปลาเยอะมาก แถมเห็นคนดำน้ำเป็นนายแบบ นางแบบด้วย ฮิฮิ

จะขอเล่าเกล็ดนิดนึงว่า สำหรับการเตรียมตัวเรื่องอุปกรณ์ของคนที่ดำน้ำตื้น หน้ากากดำน้ำ (mask) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก ถ้าเป็นแบบยางรอบนอกคุณภาพดีหน่อยน้ำจะไม่รั่วเข้าข้างใน เวลาใส่ควรรัดกำลังพอดี รัดมากไปจะอึดอัดและตาออกมาเป็นแแบบนกฮูกได้ หลอดหายใจ Snorkel ถ้ามีเป็นส่วนตัวได้ก็จะดีถ้าไม่อยากใช้ร่วมกับคนอื่น เพราะว่ามันมีหลอด (tube) ที่ใช้ปากกัดไม่ให้น้ำเข้า คนที่พึ่งเริ่มใช้อาจไม่ค่อยคุ้นตอนแรกกับการหายใจทางปาก และมีวาล์วข้างล่างปรับน้ำออกได้ ระหว่างอยู่ใต้น้ำ ตีนกบ (fin) เป็นการช่วยผ่อนแรงเวลาดำน้ำโดยเฉพาะถ้าลงไปนาน และต้องการไปไกลๆ ตีนกบมีสองแบบหลักคือใส่สวมเข้าไปเลยหรือสวมทับรองเท้า ที่สำคัญคือต้องไม่ให้คับเกินไปไม่งั้นอาจเป็นตะคริวเวลาอยู่ให้ น้ำได้

ส่วนคนที่ดำน้ำลึกต้องมีใบรับรอง (certificate) จากสถาบันดำน้ำสากลเช่น PADI ซึ่งรับรองว่าเคยผ่านการฝึกทั้งในสระ และดำจริง เพราะความปลอดภัยสำคัญมากโดยเฉพาะการใช้ ถังอากาศ การดูความกดอากาศใต้น้ำและควรมีคู่ลง (buddy) เพื่อจะได้ช่วยกัน ยามฉุกเฉิน วันหนึ่งอาจดำน้ำกัน 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง รวมทั้งกลางคืน

เวลาไปออกไปดำน้ำ ในเรือเดียวกันก็จะมี ทั้งพวกที่ดำน้ำตื้น ซึ่งปกติก็จะมีเราคนเดียว และส่วนมากจะเป็นดำน้ำลึก ก่อนลงเจ้าหน้าที่ก็อธิบายให้ฟังว่าลงทางไหนชึ้นทางไหน กระแสน้ำเป็นอย่างไร พวกดำน้ำลึกลงทางขึ้งทาง พวกดำน้ำตื้นก็ว่ายอยู่แถวนั้นประมาณครั้งละ 45 นาที ครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าเขาไปรับอีกทางหนึ่งเราก็ว่ายอยู่เหนือพวกดำน้ำแป๊ปเดียวพวกเขาก็ดำหายไป ตอนนั้นาฬิกาใต้น้ำยังไม่มี หาเรือไม่เจอก็เลยต้องลอยตัวรอ แตก็รู้ว่าเดียวก็ต้องมีเรือท่องเที่ยวอื่นมา พออกครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ไปขอขึ้นเรืออีกลำให้เขาประกาศหาเรือเรา (พอขึ้นไปเขาก็งงๆ เอเชียนี้ว่ายน้ำมาจากไหน) ตอนนั้นออกไปทั้งหมด 4 วันก็ไป Blue holes เป็นหลุมลึกสมชื่อ มองลงไปนี่มืดเชียว อีกที่ที่มีชื่อเสียงคืออุทยาน Ras Mohamed National Park Reserve และที่ Tiran's walls มีแนวประการัง Jackson Reef และ Thomas & Wood House reef โอ้โฮค่ะ โอ้โฮ ตื่นตาตื่นใจ ประการังสีสดมาก แนวประการังยาวเป็นกิโลเมตร ปลามากมายหลายชนิด ภาษาอังกฤษเรียกว่าโรงเรียนปลาค่ะ (schools of fish)เรียนมาจากการ์ตูนเรืองนีโม ประทับใจค่อ ประทับใจจริงๆๆๆ
Egypt - Third time is the charm หลงเสน่ห์เป็นครั้งที่สาม
เคยบอกตัวเองไว้ว่าจะไปอียิปต์ 3 ครั้ง ครั้งแรกเน้นโบราณสถานและแม่น้ำไนล์ ครั้งที่สองเน้นทะเลแดงและภูเขา
ครั้งที่สาม จะเป็นทะเลทรายค่ะ คุยกันไกด์ท้องถิ่นเอาไว้ ทัวร์ออกจาก กิซ่า กรุงไคโร (Egypt Desert safari) ออกไป 7-10 วัน ชอบทะเลทรายมากรู้สึกว่าสงบ และไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะ ถ้าไปไกลๆ คืบก็ทะเลทราย ซอกก็ทะเลทราย โปรแกรมนี้ไปทั้งทะเลทรายขาว White Desert, ทะเลทรายดำ Black Desert, โอเอซิสที่เป็นแหล่งน้ำกลางทะเลทราย Fayoum Oasis, Kharga Oasis, Bahariya Osis, Paris Oasis, Siwa Oasis ตอนนี้ก็ฝันรอไปก่อนค่ะ แต่อะไรก็ไม่ไกลเกินเอื้อม โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home