Paris-Monaco-Amsterdam-Vienna-Munich-London-Barcelona
การเดินไปเที่ยวในยุโรปเหมือนกับเป็นการต่อภาพ (jigsaw puzzle) ทางประวัติศาตร์ ผ่านเวลาจากสมัย อียิปต์ 5,000 ปีก่อน ถึงกรีกโบราณ จนถึงการพัฒนาการของโลกตะวันตก ตั้งแต่ฐานความคิดปรัชญา ของอริสโตเติล (Aristotle) โซเครติส (Socrates) พลาโต(Plato) ไปจนพื้นฐานความรู้ทางด้านวิทยาศาตร์ ในยุคของโรมันซึ่งเป็นฐานความรู้ด้านกฎหมาย ภาษา และ หลังจากการเสื่อมลงของ ทางด้านตะวันออกนั้นก็มีความรุ่งเรืองของไบเซนต์ไทน์ (Byzantine Empire) ตั้งอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือประเทศตุรกี ซึ่งก็ตามมาด้วยยุคของออตโตมัน (Ottoman Empire) ในยุคกลางฐานทางด้านสังคมเดจาก 2 ประเทศหลัก คือประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส ในประเทศอิตาลียุคเรอเนซองต์ (Renaissance) เป็น ตั้งแต่สมัย ค.ศ. 1400-1600 เป็นความรุ่งเรืองทางด้านศิลปะ ปรัชญา ดนตรี ซึ่งรวมทั้ง ราฟาเอล (Raphael) ไมเคิลแองเจลโล (Michelangelo) และดาวิชชี (Leonardo da Vinci)ที่กล่าวไปแล้วในบทก่อน ยุคต่อไปเป็นการค้นพบ (Age of Discovery) โดยเฉพาะ ในสมัย ค.ศ. 1500 ของประเทศโปรตุเกศ และประเทศสเปน กับการล่องเรือไปโลกใหม่ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาใต้ ปรเทศฝรั่งเศส อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ก็เริ่มออกหาอาณานิคมทางทวีปเอเซีย และแอฟริกา ในสมัย ค.ศ. 1800 การเกิด French Revolution และ British Industrial Revolution ช่วยส่งเสริมคนชั้นกลาง การเลิกทาส การสาธารณสุข เป็นรากฐานที่สำคัญของโลกปัจจุบัน
France/République français
ประเทศแรกที่จะพูดถึง คือประเทศเพื่อนบ้านติดกับ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ยู่เจนีวา ก็ออกไปจ่ายตลาดที่ฝั่งฝรั่งเศส นั่งรถสาย F ไป Ferney Voltaire แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ที่เวลาจ่ายตลาดต้องพกหนังสือเดินทาง (Passport) ไปด้วย เพราะว่าที่สวิสเวอร์แลนด์เราอยู่ด้วย บัตรทำงาน (Carte de légitimation) ซึ่งต่อตามสัญญาจ้างงาน ดังนั้นเวลาเข้าออกประเทศอื่นในยุโรปเราต้องขอวีซ่าต่างหาก เคยมีเหมือนกันที่ไม่ได้เอาไป เจอตำรวจคนเข้าเมืองขึ้นมาตรวจบนรถเมล์ ก็ต้องเดินเชิญลงตามระเบียบ แต่เขาใจดี และสุภาพ เราก็พูดกับเขาดีๆ เพราะก็ไม่ได้ตั้งใจฝ่ากฏ แต่ก็ต้องลงจากรถ เดินข้ามกลับไปขึ้นรถเมล์ฝั่งสวิสกลับ อีกครั้งออกไปเล่นสกีกับที่ทำงาน อันนั้นวีซ่าหมดด้วย เขาก็ยังแซวว่าถ้าโดนเรียกตรวจนี่มีได้อาย เพราะทั้งรถทำอยู่กับองค์กรอพยพ ก็เข้าใจเขานะ โดยเฉพาะตอนนี้เป็น Schengen วีซ่า เข้าได้ประเทศหนึ่งก็ไปมาได้หลายประเทศ เขาก็ต้องเข้มงวดเป็นธรรมดา
ประเทศฝรั่งเศสที่คนรู้จักจากภาษา วัฒนธรรม ความโรแมนติค เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ กรุงปารีส (Paris) เป็นเมืองที่คนไปท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลกด้วย โดยเฉพาะ หอไอเฟิลเหล็กที่มีชื่อเสียง (Eiffel Tower) เป็นครั้งแรกจากตอนนั่งเรือล่องแม่น้ำแซน (Seine) มหาวิหารนอร์ทเตรอดาม (Notre Dame) โดดเด่นด้วยศิลปะแบบกอธิค ที่มาของเรื่องคนหลังค่อมแห่งนอร์ทเตรอดาม Hutchback of Notre Dame พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) ที่มีของตั้งแต่สมัยอียิปต์ โรม ไบเซนไตน์ รวมทั้งรูปวาดโมนา ลิซ่า (Mona Lisa) ที่โด่งดังของลีโอนาโด ดาวินชี (Da vinci) ตอนเข้าไปดูนี่คนเยอะมาก และพิพิธภัณฑ์ก็ใหญ่มาก ของน่าดูเยอะมาก นอกจากนั้น จตุรัสคองคอร์ด (Place de Concorde) ที่ระลึกถึงการทำ กีโยติน (guillotine) แท่งหิน Obelisk ที่กล่าวถึงในบท อียิปต์ ตอนเห็นก็ยังคิดว่าการขนย้ายนี่คงลำบากเหมือนกัน พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) ออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร
เรื่องราวของพระนาง Marie Annoinette ที่เป็น Archduchness ของออสเตรียและ เป็นราชินีของประเทศฝรั่งเศส ในช่วงปฏิวัติระบอบราชวงศ์ฝรั่งเศส พระนางมารีโดนกีโยติน ประโยคสุดท้ายที่พระนางพูด คือ Monsieur, je vous demande pardon. Je ne l'ai pas fait exprès.. Pardon me, monsieur. It was not on purpose. ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้เจตนา (ที่พระนางเหยียบเท้าคนประหารอย่างไม่ได้ตั้งใจ)
ฝรั่งเศสก็มีชื่อเสียงอีกหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ทางด้านแฟชั่นชั้นสูง (Haute couture) เช่น Champs-Élysées ถนนช็อปปิ้งหรูที่มีชื่อเสียง ชาแนล Coco Chanel, วิตตอง Louis Vitton, Versace เวอร์ซาเช, ดิออร์ Christian Dior พูดถึงฝรั่งเศส ผู้ชายอาจนึกถึงกีฬา เช่น จักรยาน Tour de France หรือ เทนนิส French Open
French Riviera/Côte d'Azur
ทางใต้ของฝรั่งเศสเป็น อากาศแบบเมดิเตเรเนียน อุณหภูมิอ่นุเกือบตลอดทั้งปี เมืองที่เคยไปคือ Nice ออกเสียงว่า นีซ หน้าแตกมาแล้วเหมือนกัน เราก้าเมืองอะไรชื่อน่ารักจัง ก็เป็นเมืองริมทะเล แต่ทะเลบ้านเราก็สวยเลยไม่ได้ตื่นเต้นมาก แต่ฝรั่งหนาวๆไม่ค่อยเจอแดดคงชอบ แทบไม่ได้ถ้ายรูปเลย ในเมืองก็เป็นแหล่งขาย อีกเมืองที่คนทั่วไปน่ารู้กดีกว่าคือ คานส์ Cannesที่มีงานภาพยนตร์ ประจำปี (Annual Cannes Film Festival) เป็นย่านค่อนข้างหรูด้วยบ้านตากอากาศ โรงแรม และร้านอาหาร
อีกเมือง อืม จริงๆแล้วเป็นประเทศที่อยากแนะนำคือ โมนาโค (Monaco) นั่งรถไฟเข้าไปไม่ไกล เป็นประเทศเล็กๆ (ว่ากันว่าเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ครบประเทศ) ใช้ภาษาฝรั่งเศส การทหารขึ้นกับฝรั่งเศส คนส่วนมากเป็นชาวต่างประเทศ ฐานะค่อนข้างดี พูดถึงประเทศโมนาโค คงไม่พูดถึง เจ้าหญิง Grace Kelly ไม่ได้ หลังาที่เธอแต่งงานกับเจ้าชาย Rainier III ในปี 1956 เหมือนในนิยายเลย ตอนปี 1981 (ซึ่งเป็นปีที่เราเกิดเป็นปีฉลองแต่งงานครบ 25 ปีของพระองค์ :) The rest is legend...ที่เหลือก็เป็นนิยาย
Amsterdam - The Netherlands
ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือที่บางคนเรียกว่าฮอลแลนด์ (Holland) ตอนนั้นไปจากเจนีวา แบบไปเช้าเย็นกลับ กับแม่และรุ่นพี่คนไทยที่ทำงานชื่อพี่เกรียง พี่เขาทำงานกับองค์การมานานด้านระบบคอมพิวเตอร์ เคยไปประจำที่โคซาโว (Kosavo) หลายปี แต่ทำงานที่อัมมาน (Amman) ประเทศจอร์แดน ลุยมากเรื่องพี่เขาน่าสนใจ โอเคต่อ พวกเราก็ไปด้วยเครื่องบินแบบประหยัด (low-cost) ของ Easy Jet ไปถึงก็ซื้อทัวร์แบบครึ่งวันของเขาจากสนามบิน เป็นผู้หญิงขับรถตู้ ขับเอง เป็นไกด์ครบวงจรมาก แรกเลยก็ขับออกไปนอกเมืองก่อนไปดูที่ทำรองเท้า และกังหันลม แต่พอดีไม่ใช่ฤดูก็เลยไม่ได้ออกไปหาดอกทิวลิป พอเข้าเมืองเจ๊แกขับซิ่งด้วย เนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีคูคลองเยอะ เลี้ยวทีก็เสียวที ผังเมืองของเมืองอัมสเตอร์ดัมน่าสนใจ เขาทำทางให้คนขี่จักรยาน ค่าภาษีรถยนต์ ปละค่าจอดรถในเมืองแพงมาก เห็นลานจอดรถจักรยานแล้วตกใจเยอะมากๆเป็นพันๆคัน แล้วจะหากันเจอไหมเนี่ย กรุงอัมสเตอร์ดัมมีสถานที่ที่มีชื่อเสียงหลายที่ที่ได้เห็นในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นคลองเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ ย่านสีแดง (Red Light district)
ขอพูดถึง สองพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ แห่งแรกชื่อ Riksmuseum เป็นที่รวมของศิลปะดัทช์ ศิลปินท่านแรกที่นึกถึงคือ Rembrandt อีกท่านที่เป็นศิลปินชาวดัทช์ที่ชื่นชมคือ Johannes Vermeer การใช้สีและแสงของท่านเช่นงานที่เป็นผู้หญิงโพกผม ตะแคงหน้า จากเรื่อง The Girl with the Pearl Earring อีกแห่งก็ พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum) ซึ่งเน้นถึงผลงานช่วงแรกของท่าน ผลงานของท่านรวมกว่า 2,000 ชิ้น ในช่วง 10 ปีสุดท้าย งานที่มีชื่อเสียงบางชิ้น เช่น Aardappeleters/The Potato Easters ก็อยู่ที่นี่แต่ที่ประทับใจมากๆ คือจดหมายที่ท่านเขียนติดต่อถึงน้องชายท่าน กว่า 600 ฉบับ ทำให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างพี่น้อง และความสำคัญของการสนับสนุนของครอบครัว งานเกี่ยวกับครอบครัวอีกเรื่องที่ได้ไปสัมผัสคือ บ้านของ แอน แฟรงค์ (Anne Frank Museum) ซึ่งไดอารีของ หนูแอนระหว่างสองปีที่เธอและครอบครัวหลบซ่อนตัวทางข้างหลังของตึก ในช่วงนาซี ได้มีโอกาศเข้าไปดูในบ้าน และห้องต่างๆที่เป็นที่หลบซ่อน Secret Annex ก่อนที่จะถูกจับและส่งไปค่ายกักกัน พ่อของเธอ Otto Frank รอดชีวิตและได้นำไดอนรีนี้มาเผยแพร่ ให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงประสบการณ์ของเธอ
Vienna/Wien - Austria
ไปเวียนนา ประเทศออสเตรีย และมิวนิค ประเทศเยอรมันกับแคร์รอล ช่วงปี 2004 ไปเที่ยวสั้นๆระหว่างสุดสัปดาห์อย่างนี้บ่อย ตั๋วนาทีสุดท้าย ออกวันศุกร์ กลับวันจันทร์ เข้าที่ทำงานเลย จนหัวหน้าแซว ว่าเที่ยวจนโทรม
กรุงเวียนนา (Vienna) เป็นเมืองหลวง ขนาบกับแม่นำดานูป ตอนนั้นไปเป็นช่วงสุดสัปดาห์พิเศษที่พิพิภัณฑ์ตอนเที่ยงคืน ก็มีดโอกาศได้เดินกันเต็มที่ แหล่งที่เที่ยวหลักรวมทั้งพระราชวัง Hofburg และพระราชวัง Schönbrun ซึ่งโอ่อ่าด้วยเนื้อที่ และการจัดสวนที่สวยงาม แต่ที่น่ารัก็คืออพาร์ทเมนต์ Hundertwasser House Vienna ซึ่งกลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวไป Vienna International Centre เป็นที่ตั้งขององค์รสหประชาชาติหลายด้าน เช่น International Atomic Energy Agency และ United Nations Office on Drugs and Crime
กรุงเวียนนาเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการดนตรีจาก Mozart (1756-1791) Beethoven (1770-1827) และ Johan Strauss (1825-1899) โรงละครที่มีชื่อเสียงเช่น Burgthearer - Imperial court Theatre, Wiener Musikverein, Theater an der Wien และ Haus der Musik รวมถึงงานเต้นรำที่มีชื่อเสียง Vienna balls (ที่อาจจะรู้จักที่มาของ Viennese Waltz)
นอกจากดนตรีแล้ว พิพิธภัณฑ์ต่างๆก็เป็นที่น่าสนใจ ในพระราชวัง Hofburg ก็มีการการจัดแสดงเครื่องประดับของราชวงศ์ Sisi Museum, ตรงข้าม พระราชวัง Hofburg ก็มี Kunsthistorishes - Museum of Art History แสดงภาพวาดต่างๆและ Naturhistorisches - Museum of Natural History of Vienna แสดงของเกี่ยวกับธรรมชาติในอดีต, Museumquartier - Museum Quarter เป็นย่านพิพิธภัณฑ์รวมทั้ง Leopold Museum และ Museum of Modern Art ของ Ludwig Foundation
ศิลปินอีกท่านที่ขอพูดถึง คือ ท่าน กุสตาฟ คลิ้มส์ Gustav Klimt (1862 - 1918) ซึ่งงานของท่านเกี่ยวกับร่างกายของสตรี รายละเอียดมาก สีสันงดงาม รูปที่มีชื่อเสียงมากชื่อรูป จุมพิต The Kiss และรุปแม่นางจูดิธ Judith and the Head of Holofernes
จะขอปิดท้ายเวียนนาด้วยเรื่อง อาหาร Wiener Schnitzel เนื้อลูกวัวชุบแป้งทอดเป็นแผ่น ถ้าของหวานก็ต้องเป็น ช็อคโกแล้ตเข้มข้น Sachertorte ไม่ใส่น้ำตาล ทานกับวิปครีม หรือ Apfelstrudel ลักษณะคล้ายพายผลไม้สอดไส้ ยิ่งถ้าตามด้วย Vienna coffee นี่จะมีความสุขมากๆๆๆๆ
Munich - Germany
นักปรัชญาที่เราเคยได้ยินกันสมัยเรียน หลายท่านเป็นคนเยอรมันเช่น Emmanuel Kant, Wilhelm Freidrich Hegel, Friedrich Nietzsche และ Heidegger ประเทศเยอรมัน จริงๆแล้วก็ไม่ไกลจากสวิสเซอร์แลนด์แต่ตอนที่อยู่ก็ไม่ได้มีโอกาสไป เมืองหลวงคือ กรุงเบอร์ลิน และมีเมืองใหญ่ๆหลายเมืองเช่น แฟรงค์เฟิร์ต Frankfurt และเมืองที่ได้ไปคือ มิวนิค Munich เมืองหลวงของทางบาวาเรียเหนือ (Bavaria) แต่ส่วนมากตอนนั้นก็เตร็ดเตร่อยู่แถว Marienplatz และ Town Hall กลางเมือง จิบเบียร์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ (คนเยอรมันกินเบียร์เฉลี่ยกว่า 100 ลิตรต่อคนต่อปี) ลองกินไส้กรอกขาวบาวาเรีย (Weißwurst) อร่อย สด ไม่คาว กินกับ Brezen หรือ Pretzel ขนมปังเพรทเซล และเบียร์ Weißbier ย่านอื่นที่นักท่องเที่ยวไปก็คือ Frauenkirche ซึ่งก็ใช้เป็นโบสถ์ ถนนที่มีชื่อเสียงหลายเส้นเช่น Maximilianstraße นีโอโกธิค; Brienner Straße นีโอคลาสิค; Ludwigstraße จากใต้ไปเหนือ และ Prinzregentenstraße จากตะวันออกเฉียงเหนือ
นักปรัชญาที่เราเคยได้ยินกันสมัยเรียน หลายท่านเป็นคนเยอรมันเช่น Emmanuel Kant, Wilhelm Freidrich Hegel, Friedrich Nietzsche และ Heidegger ประเทศเยอรมัน จริงๆแล้วก็ไม่ไกลจากสวิสเซอร์แลนด์แต่ตอนที่อยู่ก็ไม่ได้มีโอกาสไป เมืองหลวงคือ กรุงเบอร์ลิน และมีเมืองใหญ่ๆหลายเมืองเช่น แฟรงค์เฟิร์ต Frankfurt และเมืองที่ได้ไปคือ มิวนิค Munich เมืองหลวงของทางบาวาเรียเหนือ (Bavaria) แต่ส่วนมากตอนนั้นก็เตร็ดเตร่อยู่แถว Marienplatz และ Town Hall กลางเมือง จิบเบียร์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ (คนเยอรมันกินเบียร์เฉลี่ยกว่า 100 ลิตรต่อคนต่อปี) ลองกินไส้กรอกขาวบาวาเรีย (Weißwurst) อร่อย สด ไม่คาว กินกับ Brezen หรือ Pretzel ขนมปังเพรทเซล และเบียร์ Weißbier ย่านอื่นที่นักท่องเที่ยวไปก็คือ Frauenkirche ซึ่งก็ใช้เป็นโบสถ์ ถนนที่มีชื่อเสียงหลายเส้นเช่น Maximilianstraße นีโอโกธิค; Brienner Straße นีโอคลาสิค; Ludwigstraße จากใต้ไปเหนือ และ Prinzregentenstraße จากตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่ๆได้มีโอกาศไปไว้อาลัย คือ ค่ายกักกันเชลยสงครามสมัยนาซี (Dachau) ไม่ไกลจากตัวเมืองมิวนิคมากนัก ที่นี่เป็นหนึ่งในค่ายที่รองจากออส์ชวิตซ์ (Auschwitz) ในประเทศโปแลนด์ ค่าย Dachau นักโทษทางการเมืองถูกโกนศีรษะ และให้สวมใส่ชุดนักโทษลายขวาง ทำงานหนักตลอดเวลา หากนักโทษเจ็บป่วย ทำงานไม่ได้ ก็จะถูกฆ่า สภาพทารุณโหดร้าย ห้องอบแก๊ส เตาเผาศพ เป็นที่ทดลองด้านวิทยาศาสตร์ที่โหดร้ายกับมนุษย์ เป็นฝันร้ายของคนทั้งโลก แม้ว่าผู้ที่รอดมาได้จากค่ายก็ยากที่จะมองโลกอย่างเดิมได้ การประเมินราคาของความเกลียดชังด้วยสงครามเป็นราคาที่แพงเกินกว่าชีวิตมนุษย์ควรจะต้องสูญเสียไป หนังหลายเรื่องก็พยายามเล่าเรื่องบางส่วน ให้คนรุ่นหลังได้เห็น Schindler's list สร้างโดย Spielberg ปี 1993 เกี่ยวกับ นักธุรกิจชาวเยอรมันที่พยายามช่วยชีวิตชาวยิวโปแลนด์ Life Is Beautiful/La vita è bella ปี 1997 เกี่ยวกัวพ่อที่พยายามประคบประคองจิตใจลูกชายในค่าย The Pianist ปี 2002 โดย Roman Polanski เกี่ยวกับการถ่ายทอดเรื่องราวของนักเปียโน Szpilman ระหว่างสงคราม ไม่นานมานี้ The Boy in the Striped Pyjamas ปี 2006 แต่งโดยชาวไอริช
London - UK
ครั้งนี้ลุยเดี่ยวค่ะ ไปลอนดอน สุดสัปดาห์เดือนพฤษจิกายน 2004 ไปด้วย สายการบินEasyJet ประหยัดจตามภาษา ลงที่ Luton เยี่ยมเพื่อน กลับทาง Gatwick ถ้าเป็นสายการบินใหญ่ๆ ก้น่าจะลงที่ Heathrow เดินทางเข้าออกกรุงลอนดอนด้วยรถไฟสะดวก สหราชอาณาจักร (United Kingdom) ประกอบด้วย อังกฤษ (England) ไอร์แลนด์ (Ireland) สก็อตแลนด์ (Scotland) และเวลส์ (Wales) มีราชินี และนายกรัฐมนตรี
ครั้งนี้ลุยเดี่ยวค่ะ ไปลอนดอน สุดสัปดาห์เดือนพฤษจิกายน 2004 ไปด้วย สายการบินEasyJet ประหยัดจตามภาษา ลงที่ Luton เยี่ยมเพื่อน กลับทาง Gatwick ถ้าเป็นสายการบินใหญ่ๆ ก้น่าจะลงที่ Heathrow เดินทางเข้าออกกรุงลอนดอนด้วยรถไฟสะดวก สหราชอาณาจักร (United Kingdom) ประกอบด้วย อังกฤษ (England) ไอร์แลนด์ (Ireland) สก็อตแลนด์ (Scotland) และเวลส์ (Wales) มีราชินี และนายกรัฐมนตรี
กรุงลอนดอน มีชื่อเสียงทั่วโลกในหลายด้าน ที่สำคัญเช่น Westminster Abbey เป็นโบสถ์แบบโกธิค, House of Parliament, Tower of London หอคอย
กรุงลอนดอน, London Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ (Thames), London Eye (the Millennium Wheel) สูง 135 เมตร พระราชวังบัคกิงแฮม (Buckingham Palace) เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองด้วย ข้างหน้ามีการ เปลี่ยนคนเฝ้า (Changing of the Guard) Kensington Palace ซึ่งเคยเป็นที่อยุ่ของเจ้าหญิงไดอาน่า (Princess Diana -1997) นั่งรถบัสสองชั้นสีแดงนักท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ไปจนถึง Hyde Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มี Speaker's Corner ที่คนมาปราศัย ใช้เสรีภาพในการพูด
กรุงลอนดอนมีพิพิธภัณฑ์หลายที่ที่น่าสนใจ เช่น British Museum ที่มีของโบราณตั้งแต่สมัยอียิปต์ Natural History Museum เกี่ยวกับธรรมชาติ Victoria and Albert Museum เกี่ยวกับแฟชั่น หรือพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madame Tussauds นักท่องเที่ยวไปเช่นห้างแฮร์ร็อด Harrods ไปช้อปปิ้งย่าน ออกซ์ฟอร์ด (Oxford Street) พิคคาดิลลี (Piccadilly Circus) ทานเย็นแถวไชน่าทาวน์ (China Town) ตกเย็นถ้าคนหรูก็ไปฟังคอนเสิร์ตที่ Royal Albert Hall หรือไปดู ละครเพลง Muscial Broadway เช่น Billy Elliot, Lion King หรือ Mamma Mia (โดยเฉพาะแฟนเพลงของ ABBA) โอ้ถ้าเป็นแฟนฟุตบอลก็มีของขายแล้วแต่สโมสรไม่ว่าจะเป็น ปืนใหญ่ Arsenal, Chelsea, หงษ์แดงLiverpool, ปีศาจแดง Manchester United (เรียงตามอักษรค่ะ ทราบว่าแต่ละคนเป็นแฟนคนละพันธุ์กัน จะได้ไม่ขัดใจ :) ตอนนั้นก็ไปดูมหาวิยาลัยด้วย มีที่มีชื่อเสียงหลายที่ไม่ว่าจะเป็น Imperial College London, University College London ที่ตัวเองสนใจคือ LSE - London School of Economics และ LSHTM - London School of Health and Tropical Medicine ถ้าออกไปข้างนอกก็มี Oxford University, Cambridge University, University of Bath, University of Bristol
ขอเข้าประวัติศาสตร์นิดนึงค่ะอดไม่ได้ มาถึงอังกฤษ ฐานความรู้จากนักปรัชญาJohn Locke, David Hume, John Stuart , Willian of Ockham, Thomas Hobbes, Adam Smith รวมทั้ง Karl Marx และ Karl Popper พื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์จาก Sir Francis Bacon, หลักฟิสิกซ์ Sir Isaac Newton การค้นพบทางการแพทย์ Sir Alexander Fleming การค้นพบการสื่อสารทางไกลโทรศัพท์ (Aleander Graham Bell) ถ้างานเขียนก้ต้องนึกถึงท่าน William Shakespeare นักเขียนก็ต้อง Charles Dickens (Oliver Twist) นักเขียนสตรีที่เราชื่นชมคือ Jane Austen (Sense and Sensibility, Pride and Prejudice), Virginal Woolf (Mrs. Dollaway) และล่าสุด JK Rowling (Harry Potter) เข้ายุคใหม่ เพลงก็ต้อง The Beatles, Sir Elton John, Rolling Stones, Eric Clapton, Rod Stewart, Sting, Oasis จนเข้ายุคใหม่เป็น Spice Girls, Coldplay, Amy Winehouse, Lily Allen
Barcelona - Spain
บาเซโลนา เป็นเมืองหลวงทางด้าน คาตาลุนญ่า (Catalonia) อากาศแบบเมเดอติเรเนียน ตอนนั้นไปกับเพื่อนร่วมงาน ชื่อ Renato เป็นลูกครึ่ง สวีเดน-เม็กซิกัน คล่องภาษาสแปนิช เราเลยไม่ต้องเตรียมการ เริ่มจากตรงท่าเรือที่มีรูปปั้นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ส่องกล่องดูดินแดนใหม่ เดินมาอีกด้าน เป็นย่าน ช้อปปิ้งที่ชื่อเสียง ลา รัมบรา (La Rambla) และได้มีไปพิพิธภัณฑ์ของงานชิ้นแรกๆของ ปิคัสโซ (Picasso) ไปบาร์เซโลนานี่ตั้งใจไปกิน ปาเอญ่า Paella ข้าวผัดทะเลแบบสเปนที่มีชื่อเสียง อร่อยสมใจจริงๆ อาหารทะเลอย่างอื่นก็สดมาก
บาเซโลนา เป็นเมืองหลวงทางด้าน คาตาลุนญ่า (Catalonia) อากาศแบบเมเดอติเรเนียน ตอนนั้นไปกับเพื่อนร่วมงาน ชื่อ Renato เป็นลูกครึ่ง สวีเดน-เม็กซิกัน คล่องภาษาสแปนิช เราเลยไม่ต้องเตรียมการ เริ่มจากตรงท่าเรือที่มีรูปปั้นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ส่องกล่องดูดินแดนใหม่ เดินมาอีกด้าน เป็นย่าน ช้อปปิ้งที่ชื่อเสียง ลา รัมบรา (La Rambla) และได้มีไปพิพิธภัณฑ์ของงานชิ้นแรกๆของ ปิคัสโซ (Picasso) ไปบาร์เซโลนานี่ตั้งใจไปกิน ปาเอญ่า Paella ข้าวผัดทะเลแบบสเปนที่มีชื่อเสียง อร่อยสมใจจริงๆ อาหารทะเลอย่างอื่นก็สดมาก
มาถึงเมืองนี้ไม่พูดถึงศิลปินเอก ท่านเกาดี้Antoni Gaudi (1852-1926) คงจะไม่ได้ คนบาร์เซโลน่าภูมิใจในงานของท่านมากจนเรียกว่า City of Gaudi ที่แรกที่ไปดูคือสวนสาธารณะเกวล (Park Güell) เป็นสมบัติของโลก โดย UNESCO งานโมเสสตรงประตูทางเข้าระเอียดและมีสีสันมาก ทางเดินและกำแพงหินก็ดูแปลกตาน่าทึ่งมาก งานอื่นที่โดนเด่นมากเช่น คาซ่า มิลา (Casa Milà) และ คาซ่า บัตโย่(Casa Batlló) เป็นตึกที่เหมือนออกมาจากเทพนิยาย
แต่งานที่โดดเด่นที่สุดของท่านเกาดี้ คือ โบสถ์ซากราด้า แฟมิเลีย (Sagrada Família) ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1882 ได้ไปเห็นแบบเปลนซึ่งยิ่งใหญ่อลังการมาก คงต้องใช้เวลากันอีกพักใหญ่ โดยเฉพาะถ้าลำพังแต่งินบริจาค รูปทรงที่สูงเพรียว และพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกประทับใจมาก เป็นเมืองที่พิเศษมาก สะท้อนให้เห็นความสามารถของคนหนึ่งคน ที่ทั้งเมืองยอมรับให้งานของท่านเป็นตัวแทนของเมืองได้
0 Comments:
Post a Comment
<< Home