4/29/2009

Milan-Florence-Rome-Venice-Pisa-Siena

บทนี้เป็นบทแรกเกี่ยวกับยุโรปก็จะพูดคร่าวๆ ถึงเรื่อง วีซ่า Schengen ที่อนุญาตให้เข้าในประเทศทางยุโรปได้กว่า 20 ประเทศ รวมทั้ง ออสเตรีย (Asutria) เบลเยียม (Belgium) เดนมาร์ค (Denmark) ฟินส์แลนด์ (Finland) ฝรั่งเศส (France) เยอรมัน (Germany) (Greece) ไอซ์แลนด์ (Iceland) อิตาลี (Italy) โมนาโค (Monaco) เนเธอร์แลนด์ (the Netherlands) นอรเวย์ (Norway) โปรตุเกส (Portugal) สเปน(Spain) สวีเดน (Sweden) สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.schengenvisa.cc/

การเดินทางด้วยรถไฟในยุโรปค่อนข้างสะดวกมาก โดยเฉพาะถ้าใช้ตั๋ว Eurail http://www.eurail.com/ มีทั้งแบบเลือกจำนวนประเทศได้ 3, 4 หรือ 5 ประเทศที่ติดกัน (Eurail Select PassTravel) แบบไม่จำกัด (Unlimited) 3-10 วันในช่วงเวลา 2 เดือน หรือแบบแต่ละประเทศ (Eurail One Country or National Passes) มีทั้งแบบที่เดินทางติดต่อกัน หรือเลือกวันเดินทางได้

ประเทศแรกที่จะพูดถึงคือ อิ-ตา-เลียน-โน (Italiano) แค่นึกถึงสำเนียงก็น่ารักแล้ว มีความทรงจำที่ดีหลายอย่างการเดินทางไปประเทศอิตาลี (Italy) ไปทั้งหมด 4 ครั้ง กับเพื่อนที่มาจากอเมริกาด้วยกัน ไปเยี่ยมเพื่อนชื่อ Ms. Bizzari :) ที่มิลาน (Milan) ครั้งที่สองไปกับแม่ที่โรม (Rome) และฟลอเรนส์ (Florence) ครั้งที่สามไปกับแม่ที่เวนิช (Venice) ครั้งล่าสุด ไปทัสคานี (Tuscany) เมืองปิซ่า (Pisa) และ เมืองเซียนนา (Sienna) การเดินทางส่วนมากใช้นั่งรถไฟกลางคืน (night train) ออกจากรุงเจนืวากลางคืน ไปถึงอิตาลีตอนเช้า เป็นรถนอนแบบ 6 คน ซึ่งถ้าคนไม่คุ้นก็จะรู้สึกแปลกๆ (เคยเจอเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้ามาปลุกตีสอง สัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนการเที่ยว) หรือออกจากเจนีวาตอนเช้า ไปถึงอิตาลีตอนบ่าย เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างลุยและสบักสะบอมหน่อย แถบมบางทีคนงานรถไฟประท้วงวันอาทิตย์เสี่ยง ไม่มีรถกลับเจนีวา



Milano/Milan

เนื่องจากทริปแรกไปมิลาน กับสาวๆ ก็เลยเน้นไปทางช้อปปิ้งและ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับแฟชั่นดีไซเนอร์ไปในตัว ไหนๆก็มาถึงสูนย์กลางเจ้าถิ่นแบรนด็ตัวจริงของจริง Made in Milano ตั้งแต่ พราดา (Prada) กุชชี (Gucci) เฟอราโม (Salvatore Ferragamo) คาวาลี(Roberto Cavalli) และเพื่อนเจ้าถิ่นก็พาไปดูโรงงานทำรองเท้าคล้ายของ แคมเปอร์ (Camper) ไหนๆก็พูดถึงแบรนด์ต้องขอพูดถึงรถเขาหน่อย ตั้งแต่ มินิคูเปอร์ (Mini Cooper) ซึ่งเล็กกระทัดรัดเหมาะกับถนนเขา และหรูขึ้นไปเป็น อัลฟาโรมาโอ
(Alfa Romeo) เฟอรรารี (Ferrari) แลมบัวกีนี (Lamborghini) มัวแต่ดูของก็เลย จำที่เที่ยวในมิลานไม่ค่อยได้ แต่ที่จำได้แน่ก็คือ โบสถ์ขาวเด่นเป็นสง่า The Milan Cathedral (Duomo di Milano)

ก่อนที่จะพูดถึงเมืองอื่น ต้องขอพูดถึงอาหารอิตาเลี่ยนก่อน ตั้งใจไปชิมมาก ตั้งแต่ พิซซ่า บางกรอบ หอมออกมาจากเตาใหม่ๆ หรือสปาเกตตี โบโลเนสเนื้อบดในซอสมะเขือเทศสด (Bolonaise) หรือ ซอสครีมคาโบนารากับเบคอน (Cabonara) ยิ่งเส้นสดทำมือมีหลายแบบให้เลือก ตามด้วยของหวานทีรามิสุ (Tiramisu) จากมาสโคโปนีชีสหอมมัน (Mascopone) และกาแฟเข้มข้นเอสเปรสโซ (Espresso) หรือตามด้วยไอสกรีมเจลาโต (Gelato) ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายรส


Roma/Rome

ไปครั้งแรกปี 2004 กรุงโรมเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลี อยู่ทางตอนใต้ และเป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่นกว่าเมืองอื่น อย่างแรกต้องบอกว่าพอไปถึงแม่กรี๊ดกับความเท่ห์ ของตำรวจท่องเที่ยวของเขา ขี่ม้าในเครื่องแบบเนี๊ย ทำแม่ลูกนักท่องเที่ยวหวั่นไหว เราก็ถามทางแล้วถามทางอีก ;) โอเคพอไปถึงที่แรกที่รีบไปดูคือ โคลีเซียมColossseum จากสมัยโรมัน เป็ฯสนามเปิ ด (amphitheatre) สร้างมาแล้วเกือบสองพันปี เป็นที่ไช้สนามแข่ง ต่อสู้ (gladiator) ที่สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน









เที่ยวไฮไสต์ที่อื่น เช่น น้ำตกเทรวิ (The Trevi Fountain/Fontana di Trevi) สูงกว่า 85 ฟุต และ กว้ง 65 ฟุต สร้างสไตล์บารอค คนที่อยากอธิษฐานก็จะโยนเหรียญลงไป ก็เลยมีหรียญมากมายหลายชาติในน้ำ เราก็ได้โยนเหมือนกัน แค่ขอให้ได้กลับมาอีกตามประเพณี อีกที่ก็คือ สแปนิชสเต็ป (The Spanish Steps/Scalinata della Trinità dei Monti) นักท่องเที่ยวนั่งกันเยอะมาก เป็นทางเดินขึ้นไประหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti


The Vatican City


ไม่ไกลกันคือ นครรัฐวาติกัน (The Vatican City/Stato della Città del Vaticano) ซึ่งเป็นนครรัฐที่ปกครองด้วยตนเอง มีโปปเป็นหัวหน้ารัฐ เป็นที่มีความสำคัญทางศาสนา และเป็นกลาง มีทหารสวิสคุ้มครอง เหมือนกับ (The Papal Swiss Guard) ให้ความคุ้มครอง ความปลอดภัยของโปป เหมือนกับที่พูดถึงสัญลักษณ์ ความกล้าหาญและจงรักภักดี รูปปั้นสิงโตหิน ที่ ลูเซิน (Lucerne)



Firenze/Florence

ฟลอเรนซ์ เป็นเมืองหลวงของทัสคานี (Tuscany) เป็นเมืองเก่า มองไปทั้งเมืองเป็นอิฐสีส้ม แสด น้ำตาล ซึ่งเป็นที่ประกาศอนุรักษ์ World Heritage Site โดย UNCESCO เมืองฟรอเรนส์ ถือว่าเป็นศูนย์กลางของยุค เรอนาซองค์ (Renaissance) โดยเฉพาะ อนุสาวรีย์ โบสถ์ และ สถาปัตยกรรมต่างๆ สถาปัตยกรรมที่ติดตา เช่น โบสถ์ Santa Maria Novella กลางเมือง Santa Maria el Fiore หรือที่เรียกสั้นๆว่า The Duomo ไม่ไกลกันก็มีคนขายของตามข้างทางตลอดทางเดิน

เดินไปหน่อยจะเป็นแกลเลอรี Uffizi ซึ่งเป็นที่รวมของ ผลงานที่น่าสนใจมากมาย ตอนไปลืมดูต๋วเข้าลาวงหน้าต้องยืนรอเข้าแถวข้างหน้าเป็นช่วโมง หนาวก็หนาว แต่เข้าไปเห็นความสวยงามของรูปภาพก็หาย ไปอีกไม่ไกลจะเป็น Santa Croce ซึ่งเป็น ที่ตั้งของอนุสรณ์ของ กาลิเลโอ (Galileo) ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) มาคิเวลี (Machiavelli) เดินไปสุดน้ำจะเจอ สะพานที่ค่อนข้างแปลกตา ชื่อ The Ponte Vecchio ซึ่งมีร้านเรียงตามข้างทาง ให้เดินเล่น ยิ่งถ้ามองมาจากข้างบนจะเห็นเป็นสะพานขนานกัน สีส้ม เหลือง เขียว น้ำตาล ดูเย็นตามาก ประทับใจมากจริงๆ


Tuscany-Pisa-Sienna

แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากไปทัสคานี คือหลังจากดูเรื่องUnder the Tuscan Sun แสดงนำโดย Diane Lane เกี่ยวกับสาวอเมริกันอกหัก ไปเที่ยวทัสคานีกับทัวร์ และตัดสินใจอยู่ต่อ วิวของเรื่องนี้สวยสดชื่นมาก พอได้ไปจริงก็เห็นธรรมชาติ ตั้งแต่นั่งรถไฟเข้าไป เมืองต่อไปที่เข้าไป คือเมืองเซียนา (Sienna) ที่เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีสีสัน นั่งจิบกาแฟกลางเมืองชม Piazza del Campo ดูผู้คนเดินไปเดินมา ก็รู้สึกได้ถึงความป็นอิตาลีจริงๆ หลังจากนั้นก็ไปเมืองปิซ่า (Pisa) ที่มีหอคอยเอน (Leaning Tower)



Venezia/Venice

เมืองเวนิชวาณิช ที่เราเคยได้ยินกล่าวถึงมานาน เป็นเมืองทางตอนเหนือ ของ Veneto เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงกล่าวขานกันว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก โบสถ์ที่โดดเด่นกลางสแควร์ คือ เซ็นต์มาร์คบาซิลิค (Saint Mark's Basilica/Basilica di San Marco a Venezia) เป็นศิลปะแบบไบเซนต์ไทน์ (Byzantine) อยู่ในย่านซาน มาร์โค (San Marco)
พูดถึงเวนิช คงไม่พูดถึงเทศกาลประจำปีคาร์นิวาลไม่ได้ (The Carnival of Venice/ Carnevale di Venezia) ซึ่งมีมาหลายร้อยปี ที่คงจะเคยเห็นกันก็คือคนใส่หน้ากากแบบต่างๆ ตกแต่งจากขนนก ทาสีด้วยมือ หรือตกแต่งด้วยสีทอง และเครื่องประทับ ปัจจุบันมีแผงขายแบบที่ใช้ได้ และเป็นแบบของที่ระลึก (souvenir) ที่เอาไว้แขวนข้างฝา เมืองมูราโน (Murano) เป็นเกาะที่อยู่ในอ่าว เวเนเซียน นั่งเรืออกไปไม่นาน เมืองมูราโนมีชื่อเสียงเรื่องการทำแก้ว ซึ่งการเผาแก้อาจเสี่ยงการการเกิดไฟไหม้ในเมือง ทางการจึงสั่งย้ายอุตสาหกรรมเครื่องแก้วออกมาที่นี่ คนส่วนมากในเมืองก็ทำงานด้านนี้

การคมนาคมในเวนิช เป็นทางน้ำด้วยเรือชนิดต่างๆ ไม่ ว่าจะเป็น เรือเมล์ เรือแท็กซี หรือเรือแกนดอร่า (Gondola) แต่ด้วยความที่เป็นเมืองติดน้ำ คมนาคมทางน้ำ เมืองจึงเสี่ยงในการโดนน้ำค่อยๆท่วมเมืองได้ โปรเจ็คที่ได้คนถกเถียงกันตอนนี้คือ โปรเจ็ค MOSE พยายามกั้นน้ำที่ปากอ่าว ซึ่งจะเสร็จในปี 2011 ถึงแม่ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า MOSE เป็นแค่วิธีชั่วคราว แต่การยกเมืองขึ้นเหนือทะเลน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า ก็คงต้องตามดูกัน แต่หวังว่าจะมีทางในการอนุรักษ์เมืองที่เป็นเอกลักษณ์นี้ไว้ได้
ความทรงจำจากประเทศอิตาลี ไม่ใช่จากความสวยงามของเมืองเท่านั้น แต่จากประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม รูปปั้น รูปวาด รูปหนึ่งที่เราชอบมา เป็นของ
Raphael/Raffaello เป็นรูป นางฟ้า นายฟ้าตัวน้อย เกยคางคิดอะไรอยู่ กลับมาจากประเทศอิตาลี แต่ละครั้งก้ติดใจ หาข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับศิลปะ ที่สำคัญในแต่ละยุคสมัย เหมือนเป็นทัศนศึกษาไปในตัว :)

ไมเคิลแองเจลโล (Michelangelo) 1475-1564 เป็นทั้งนักวาด นักปั้น กวี และวิศวกร สมัยเรเนอซองต์ งานที่มืองชื่อเสียงมาก เช่น และ รูปปั้น Status of David รูปวาดที่มีชื่อเสียง The Genesis และ The Last Judgement บนฝาผนังของ Sistine Chapel ใช้เวลาว่า 4 ปี และ The Pieta St. Peter's Basilica ในกรุงโรม

ลีโอนาโด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) 1452-1519 เป็นทั้งนักคิด นัก คำนวณ นักวาด นักประดิษฐ์ วิศวกร นักออกแบบ และนักสรีระวิทยาหลากหลายและลำลึกในความสามารถ รูปวาดที่มีชื่อเสียงมาก ของท่าน คือ The Last Supper และ ภาพยิ้มมุมปาก Mona Lisa ภาพสเก็ตซ์ Vitruvian Man เป็นรูปแสดงถึงสัดส่วนของมนุษย์ ในวงกลมและสี่เหลี่ยมเป็นฉาก ภาพที่ค้นพบจากภาพวาดของเด็กในท้อง อวัยวะภายในคน รูปกล้ามเนื้อม้า แสดงถึงความน่าทึ่ง ถึงความเข้าใจทางด้านสรีระวิทยา ที่ล้ำหน้า ยุคสมัย 500 ปี มาก นอกจากนั้นภาพวาดทางด้านกลไก การทำงานของเครื่องร่อน เครื่องบิน ซึ่งมีรายละเอียดมากๆ น่าทึ่งในความสามารถทั้งทางศาตร์และศิลป์ในคนเดียวกัน

จะขอจบบทของอิตาลีไว้ตรงนี้ การเดินทางเป็นการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ผู้คน ภาษา แต่เป็ฯการเรียนรู้ ชื่มชมประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ผู้คนสำคัญข้ามกาลเวลาด้วย

0 Comments:

Post a Comment

<< Home