8/20/2009

Life in Australia since 2005!

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่แตงอยู่นานที่สุดจากการออกมาต่างประเทศ มาตั้งแต่มีนาคมปี 2005 ถึงปัจจุบัน บทนี้จึงเป็นบทท้ายๆ ส่วนหนึ่งเพราะไปมาทั้งหกรัฐ แต่บางส่วนก็เขียนไปคร่าวๆแล้วในหนังสือเล่มก่อน แม่ก็คงชินกับการมาออสเตรเลียมาทุกปี ปีละสองครั้ง นี่ก็เกือนสิบหนได้ การเขียนเล่าเรื่องครั้งนี้ใช้ข้อมูลบางส่วนจากวิกิพีเดียและอินเตอร์เน็ทที่เกี่ยวข้อง และจะไล่ไปทีละรัฐละกัน ก่อนอื่นก็เล่าอีกทจากครั้งก่อนว่า แนะนำให้ดูข้อมูจาก Youth Hostel Association/International Hostelling - YHA/IH และแพ็คเกจทัวร์ ซึ่งมีทั่วออสเตรเลีย สำหรับข้อมูลที่พักมีทั้งห้องคู่ ห้องรวม มีครัว ห้องนั่งเล่น อาจได้เพื่อนใหม่ที่เป็นนักท่องเที่ยวด้วย การเดินทางโดยบัสให้ดู http://www.greyhound.com.au/ เดินทางโดยรถไฟก็ดู http://www.countrylink.com.au/ ถ้าเป็นเครื่องบินในประเทศก็มีแบบประหยัด Tiger Air, Jetstars และ Virgin Blues, Qantas

ประเทศออสเตรเลีย (Australia) เป็นส่วนหนึ่งของโอเชี
ยเนีย (Oceania) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มของหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทวีปออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ (New Zealand) เกาะอื่นๆที่น่าจะเคยได้ยินชื่อกัน เช่น ซามัว (Samoa) ตองกา (Tonga) ปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea) ฟิจิ (Fiji) หมู่เกาะโซโลมอน (Solomon Island) เกาะกวม และอเมริกันซามัว (American Samoa) หมู่เกาะคุกของนิวซีแลนด์ (Cook Islands)

ประเทศออสเตรเลียมีชนพื้นเมืองในออสเตรเลียก่อนการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป
คือชาวอะบอริจิน (Aborigin) และชาวเกาะทอร์เรสสเทรต (Torres Strait Islanders) ในปีพ.ศ. 2313 กัปตันเจมส์ คุก เดินทางมาสำรวจออสเตรเลียและทำแผนที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย และได้ประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร


ประเทศออสเตรเลียมีความหล
ากหลายในการท่องเที่ยวเพราะเป็นทวีปที่ใหญ่และแตกต่างไปตามภูมิภาค ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายและส่วนมากจะแห้งแล้ง ยกเว้นทางด้านทิศตะวันออกฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีอุณหภูมิปานกลาง และทางเหนือซึ่งมีอากาศร้อนชื้น แนวภูเขาในภาคตะวันตกเฉียงใต้จะมีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว ฤดูกาลจะตรงข้ามกับยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยทั่วไปฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศดี ดอกไม้บานสวยงาม, ฤดูร้อน (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศร้อนและแห้งแล้ง บางแห่งร้อนจัดและอาจมีไฟป่า, ฤดูใบไม้ร่วง (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศเริ่มเย็นลง ตามเมืองชายฝั่งทางตอนใต้และเมืองในเขตป่า และฤดูหนาว (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศเย็นจัดมีหิมะตกบนเขตภูเขาสูงโดยทั่วไป

เนื่องจาก ทวีปออสเตรเลียมีสภาพเป็นเกาะทำให้ มีสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง เนื่องจากสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้มีวิวัฒนาการเป็นอิสระจากสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง เช่น จิงโจ้ หมีโคอาล่า ตัววอมแบท ประเทศออสเตรเลียมีปัญหากับกระต่าญซึ่งแพร่พันธุ์เร็วมาก ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรเสียหายมาก การกักกัน (Quarantine) ที่เข้มงวดในการประเทศออสเตรเลียเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันแมลงและโรคจากต่างประเทศ อาหาร นม ไข่ และผลิตภัณฑ์ ผักสดและผลไม้สดต่างๆ ผักและผลไม้แห้ง วัตถุทำจากไม้ ดอกไม้ เปลือกหอยหรือปะการัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://www.aqis.gov.au/ ถ้ามีอะไรไม่แน่ใจก็ให้สำแดง (declare) ไป จะได้ถามเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้อง ถ้าเห็นว่าไม่มีปัญหาเขาก็จะให้นำเข้าได้

ออสเตรเลียแบ่งออกเป็นหกรัฐ ได้แก่ เขตเมืองหลวงออสเตรเลียนแคพิทอลเทร์ริทอรี (Australian Capital Terriotory - ACT),รัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales - NSW), รัฐวิกตอเรีย (Victoria - VIC), รัฐทาสมาเนีย (Tasmania - TAS), รัฐควีนส์แลนด์ (Queensland - QLD), รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (Western Australia - WA), นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี (Northern Territory - NT), รัฐเซาท์ออสเตรเลีย (SA)




Australian Capital Territory


ACT เป็นเขตเล็กซึ่งเป็นที่ตั้งของ แคนเบอร์รา (Canberra) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างที่ดี เป็นศูนย์กลางทางการเมือง และที่ตั้งขององค์กรราชการ และหน่วยงานสถานทูตของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสถานทูตไทย
เนื่องจากอยู่ในเขตเมืองหลวง สถานที่จะขึ้นว่า National เช่น National Museum of Australia, National Gallery, National Portrait Gallery, National Library ยังเคยแซวกันว่า ถังขยะเมืองนี้ก็มีชื่อเป็นทางการว่า National Bin of Australia นอกจาก เสา Telstra และน้ำพุ ที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของเมือง ที่ท่องเที่ยวหลักคือ รัฐสภา (Parliament House), อนุสรณ์ทหารผ่านศึก (Australian War Memorial) ซึ่งเปิดให้เข้าชม

เทศกาลบอลลูนเดือนมีนาคม (Balloon Fiesta) และเทศกาลดอกไ
ม้เดือนกันยายน (Floriade) ตัวแตงเองเลือกมาแคนเบอรร์ร่าเพราะเรื่องการศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย Australian National University นอกจากนั้น ที่นี่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนทหารที่มีชื่อเสียง Australian Defence Force Academy และ Royal Military College Duntroon ไหนๆก็พูดถึงการศึกษา ก็ต้องบอกว่าประเทศออสเตรเลีย ส่งเสริมการศึกษาเป็นธุรกิจ อย่างหนึ่งโดยเฉพาะสำหรับเด็กเอเซีย มีทั้งโรงเรียนกาษาอังกฤษ ประกาศนียบัตรทางสายอาชีพ ไป จนถึงระดับอุดมศึกษาเอก โท เอก


รัฐนิวเซาท์เวลส์

(New South Wales)

สถานที่ท่องเที่ยวและเมืองสำคัญ New South Wales รัฐนิวเซาท์เวลส์ เมืองหลวงชื่อ ซิดนีย์ (Sydney) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วยUniversity of New South Wales, University of Sydney, อยู่ในเขตรัฐนี้ด้วยคือ Wollongong University เป็นรัฐที่พัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคัก มีสีสัน มีชีวิตชีวา อยู่ทางเหนือของแคนเบอร์ร่า 3.5 ชั่วโมงด้วยร
ถบัส (Greyhound, Murrays) สะดวกในการไปช่วงสุดสัปดาห์ที่นี่ยังมีอาหารไทยมากมายหลากหลายชนิด รสชาติแบบไทย ๆ โดยเฉพาะย่านคนไทย Thai town มีร้านของชำ ของแช่แข็ง ร้านอาหารไทยติดกันเกือบทั้งถนนย่าน Pitt street ไม่ไกลจากสถานีรถไฟหลัก Central Railway ที่พัก YHA สองแห่งก็อยู่แถวนั้นสะดวก

  • สถานที่เที่ยวหลักของซิดนีย์:
    Sydney Opera House โรงอุปรากร สัญลักษณ์ของประเทศก็ว่าได้ คิดว่าหลายๆ คนคงเคยเห็นสถาปัตยกรรมรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ขาวผ่อง ภายจะประกอบไปด้วยส่วนของลานคอนเสิร์ต โรงละคร ภัตตาคาร และศูนย์วัฒนธรรม และยังเป็นจุดชมวิวเว้าเข้าไปในน้ำที่สวยงาม ทั้งกลางวันและกลางคืน
  • Sydney Harbour Bridge สะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ มีบริการให้ไต่ข้างบนสุดของสะพานได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมาท้าทายความตื่นเต้น เพราะสะพานแห่งนี้สูงถึง 134 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
  • Taronga Zoo สวนสัตว์ทารองก้า นั่งเรือชมวิวไปจากท่าเรือ Circular Quay ดูสัตว์ไปด้วยวิวเมืองเป็นฉากแปลกตาดี
  • The Rocks เดอะร็อคส์เป็นชุมชนแห่งแรกของชาวยุโรปที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในออสเตรเลีย ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ของประเทศเมื่อกองเรืออังกฤษมาขึ้นบก ปี คศ 1788
  • Darling harbour ขอแปลชื่อเป็นไทยน่ารัก ว่าอ่าวหวานใจ น่ารักสมชื่อ มีสีสันเต็มไปด้วยร้านอาหาร ไฟสว่างริมน้ำตอนกลางคืน โดยเฉพาะเทศกาลที่ชอบมากคือ คอนเสิร์ตและงานเต้นรำแบบละตินกลางแจ้ง Darling fiesta ต้นเดือนตุลาคมของทุกปี
  • Queen Victoria Building เป็นที่ช็อปปิ้งของแบรนด์เนมที่ได้รับความนิยมมาก หรือจะเป็น Paddy’s Market ที่นี่จะขายของที่ระลึกต่าง ๆ ราคาถูก และตลาดนัดวันเสาร์บนถนน Oxford Street
  • Bondi Beach หาดบอนได เป็นหาดที่นิยมมากที่สุดในซิดนีย์โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น มีคนเล่น Surf Board ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นหาดที่ไม่ใหญ่แต่ไม่ไกลจากตัวเมือง เดินทางด้วยรถบัสจากในเมืองก็สะดวก เหมาะต่อการอาบแดด และพักผ่อนหย่อนใจ ด้านหน้าชายหาดก็มีร้านค้าหลากหลาย
  • Blue Mountains เป็นดินแดนที่สร้างสรรค์จากผลงานตามธรรมชาติ โดยที่นี่จะมีเทือกเขามากมายที่ให้เราชม เทือกเขาที่เด่นสุดของที่นี่คือ เทือกเขา ทรีซีสเตอร์ (Three Sister) หรือเรียกกันว่า เขาสามอนงค์ โดยเทือกเขานี้จะมีภูเขา ทั้ง 3 ลูกเรียงกัน ที่นี่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ตกดิน

รัฐวิกตอเรีย (Victoria)

พื้นที่นี้เป็นถิ่นหลักสำหรับการตั้งรกรากของชาวยุโรปที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่ช่วงปี 1830 เป็นต้นมา ทั้งนี้ สถาปัตยกรรมยุควิกตอเรียอันวิจิตร และถนนใหญ่สายต่าง ๆ วิกตอเรีย รัฐนี้ได้ชื่อว่า รัฐสวน (Garden State) เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงคือ เมลเบิร์น (Melbourne) เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง และเป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามาก รวมทั้ง The University of Mebounre, Monash University, Royal Melbourne Institute of Technology เป็นอันดับสองรองจากซิดนีย์


โดยต่อมาได้มีการก่อสร้างในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น อาทิ จัตุรัสเฟเดอเรชั่นสแควร์ (Federation Square) จุดนัดพบแห่งใหม่ของ ถนนวิกตอเรีย (Victoria St.) ทางตอนเหนือ และถนนสเปนเซอร์ (Spencer St.) ทางตะวันตก ถนนสายหลักที่วิ่งจากตะวันออก-ตะวันตก ในเครือข่ายเส้นทางของเมืองเป็นแนวบล็อก ได้แก่ ถนนคอลลินส์ (Collins St) และถนนบูร์ค (Bourke St) ซึ่งถูกตัดด้วยถนนสวอนส์ตัน (Swanston St) และถนนเอลิซาเบธ (Elizabeth St) ย่านชุมชนซึ่งเต็มไปด้วยสีสัน อาทิ ฟิตซ์รอย (Fitzroy) เซนต์กิลดา (St Kilda) วิลเลียมส์ทาวน์ (Williamstown) ตลาดควีนส์วิคตอเรีย (Queen Victoria Market) เมืองนี้เป็นที่สร้างสรรค์ศิลปะ ดนตรี อาหาร แฟชั่น การแสดง การออกแบบ ที่นี่ เดือนพฤศจิกายน ลุ้นการแข่งม้ารายการเมลเบิร์น คัพ (Melbourne Cup)

Phillips Island เกาะฟิลลิป ที่เกาะแห่งนี้มีขบวนพาเหรดของนกเพนกวิน ที่ขึ้นจากทะเลเพื่อที่มันจะกลับเข้าสู่รังของมันในยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โดยที่นี่ถือเป็นบ้านเกิดของเพนกวินทีเดียว ถ้าเป็นหน้าร้อนกว่าจะค่ำเพนกวินออกมาก็เกือบสี่ทุ่ม ถ้าเป็นหน้าหนาวค่ำเร็วประมาณหนึ่งทุ่มก็ได้ แต่ ก็หนาวอัฒจรรย์นั่งชมอยู่ข้างนอก ดูในรูปเห็นออกมาเป็นพันตัว จริงๆอาจเป็นหลักร้อย หลักสิบก็ได้ ตอนที่ไปคนดูหลายร้อยมากกว่านกเพนกวินที่ออกมาซะอีก


The Great Ocean Road ไปตามเส้นทางเลียบทะเลขับไปเรื่อยๆ วางแผนให้ดี แวะดูโน่นดูนี่ ผ่าน Apollo Bay, Bell Beach มาถึงหมู่แท่งหินอันมีชื่อเสียง "The Twelve Apostles" ตอนนี้จะเหลือไม่ถึง 12 แล้ว อุทยานแห่งชาติ Port Campbell National Park โขดหินที่โดนกัดเซาะเป็นรูปทรงต่างๆ The Arch London Bridge และ Loch Ard Gorgeอุทยานซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ท้องถิ่น The Grampian National Park ให้ได้เดินเขา ปีนเขากัน

รัฐทัสมาเนีย (Tasmania)

เมืองหลวงคือ โฮบาร์ต (Hobart) ทัสมาเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะ ตั้งอยู่ห่างจากรัฐวิกตอเรียบนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240 กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศเป็นหุบเขาและที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง ทัสมาเนียได้รับการยกย่องว่า คือ เป็นเกาะที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแปซิฟิคตอนใต้ และเป็น เกาะที่มีอุณหภูมิที่ดีที่สุดในโลก สภาพอากาศ เนื่องจากหนึ่งในสามของพื้นที่ในทัสมาเนียถึงกันไว้เป็นเขตอุทยานและเขตอนุรักษ์

จากตอนเหนือของเกาะ ตอนนั้นจากเมลเบิร์นไปลงที่เมืองเล็กๆ Launceston ซื้อทัวร์ท้องถิ่น ไปภูเขาหิน Cradle Mountain เด่นเป็นสง่า ทะเลสาป Dove Lake ธรรมชาติรอบข้างสวยงามมาก จากนั้นนั่งรถบัสไล่ลงมา ทางตะวันตกมีเมือง Strahan ทางตะวันออกมีเมือง Swansea ที่ชื่อเสียง ลงมาถึงตอนใต้ที่เมืองโฮบาร์ท เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก มหาวิทยาลัย University of Tasmania ไม่ไกลมากกันมีชายหาดที่สวยงาม Wineglass Bay และเดินทางไปชมประวัติศาสตร์ของ Port Arthur กับผู้ตั้งถิ่นฐานยุคแรกส่วนใหญ่เป็นนักโทษและครอบครัวของทหาร

รัฐควีนส์แลนด์ (Queensland)

รัฐควีนส์แลนด์ เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีเมืองหลวงคือ บริสเบน (Brisbane) เป็นเมืองที่มีสีสัน มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านคล้ายกรุงเทพ มีเซาต์แบงท์ (South Bank) ที่ครึกครื้น มหาวิลยาลัยที่มีชื่อเสียง เช่น University of Queensland, Griffith University, Queensland Institute of Techology

ควีนส์แลนด์เป็นรัฐทีมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวรัฐนี้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐที่มีแสงแดดเกือบทั้งปี (Sunshine State) นั่งรถไฟไปปะมาณ 1 ชั่วโมงเป็นที่ตั้งของ สว
รรค์ของนักเซิร์ฟ เซิร์ฟเฟอร์พาราไดซ์ (Surfer Paradise) โกลด์โคสต์ (Gold Coast) เป็นชายหาดยาวมีกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างแถวๆโกลด์โคสก็จะมี ซีเวิร์ล (SeaWorld) มูวี่เวิร์ล (Movie World) และอีกหลายๆที่


มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เช่น ซันชายน์โคส (Sunshine Coast) ชายหาดที่ยาวเหยียดที่สุดในโลก จากแอรี่บีช (Airlie Beach) ถ้าอยากไปแล่นเรือต้องไปเกาะวิทซันเดย์ (Whitsunday) ตอนนั้นจากบริสเบน พาแม่นั่งรถไฟขึ้นหนือไปดูปลาวาฬที่ เฮอร์วี่เบย์ (Hervey Bay) ข้ามไปกับทัวร์ที่ YHA จัดให้ เที่ยวเกาะทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกาะเฟรเซอร์ (Fraser Island) เป็นเกาะพื่นทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมแตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ที่แห่งนี้ก็ถูกจัดเข้าเป็นมรดกโลกโดยสหประชาชาติเมื่อปี 1992 พื่นที่ด้านในทั้งหมดแทนที่จะเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง กลับปกคลุมด้วยต้นไม้เนื้อแข็ง ภูมิประเทศของเกาะเปลี่ยนไปทุกๆตลอดทาง เฟรเซอร์เป็นอิสระมากกว่าที่อื่นๆ ซึ่งจะแสดงให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างทรายและพืชพรรณในระยะต่างๆ ซึ่งไม่เหมือนกับที่อื่นในโลก





ตอนนั้นอาและอาสะใภ้มาเยี่ยมจากอเมริกา ก็เลยนัดเจอกันที่เมืองแคร์นส์ (Cairns) รัฐควีนส์แลนด์มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยเฉพาะ Great Barrier Reefs ก็เลยได้ไปดำน้ำกัน นอกจากกิจกรรมทางด้านแล้ว แถบนั้นมีชื่อเสียง มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์ เช่น Cape Tribulation และDaintree Rainforest ตอนนั้นที่ประทับใจมากคือการ นั่งรถไฟชมวิวกันไปเมืองท่องเที่ยวคูรานดา (Kuranda) ที่นั่นมีการแสดงเต้นรำของคนอะบอริจิน การใช้บูมเบอแรง (boomerang) ฟังเครื่องดนตรีพื้นเมืองแบบเป่า เป็นปล้องยาวๆ ดิดเจอริดู (didgeridoo)


รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (Western Australia)

เมืองหลวงคือเพิร์ธ (Perth) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ มีชายฝั่งทะเลยาวถึง 12,500 กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงาม

ตอนนั้นพาแม่ไปและเมืองเพิรธ์ก่อนส่งแม่กลับเมืองไทย ตอนกลับขึ้นเครื่องพร้อม
กัน แตงถึงเมลเบิร์นก่อน แม่ถึงเมืองไทยไม่นาน เพิร์ธอยู่ใกล้ประเทศไทยกว่ารัฐอื่น ใช้เวลาเดินทางแค่ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียงเดียว ชั่วโมงเท่านั้น ออสเตรเลียนี่เป็นประเทศที่ใหญ่จริงๆจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งของประเทศกว่า 5 ชั่วโมง

จำได้ว่าตอนนั้นไปเพิร์ธช่วงปีใหม่ หน้าร้อนที่ออสเตรเลียนี้ร้อนแห้งเกือน 40
องศาเซลเซียส โหดเหมือนกัน ตอนนั้นพักที่ YHA ตามเคยสะดวกมาใกล้เมือง ให้เขาจัดการทัวร์ให้ด้วยมีไป ทะเลทรายแท่ง Pinnacle Desert นั่งรถ Four Wheel Drive บนเนินทรายสีขาวขนาดใหญ่ เล่น SandBoard เป็นครั้งแรกตื่นเต้นกับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ อีกวันไปเกาะ Rottnest Island และไปเที่ยวเมืองริมทะลฟระแมนเทิล Freemantle นั่งรถไฟไม่ไกลจากเพิร์ธ บอกจากนั้นเห็นมีคนไปดูปลาโลมาที่ Monkey Mia และไปดูหินยักษ์รูปคลื่น Wave Rock แต่ว่าค่อนข้างไกลมาก ก็เลยขอสบายสบายดีกว่า

เขตนอร์เทิร์นเทริทารี

(Northern Territory)

มีเมือง ดาร์วิน (Darwin) เป็นเมืองหลวง เนื้อที่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้ง มีพื้นทีเกษตรกรรมได้น้อย เนื่องจาก ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก ตอนนั้นนั่งเครื่อง TigerAir จะกลับเมืองไทย แต่ต้องและเปลี่ยนเครื่องที่ดาร์วิน ก็เลยหาเรื่องออกมาเที่ยวซะ ไปคนเดียว พักและซื้อทัวร์ กับ YHA

  • Darwin Kakadu and Litchfield National Park ดาร์วินเป็นประตูสู่ออสเตรเลียตอนบน และเปิดเส้นทางเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีลักษณะเฉพาะ อุทยานแห่งชาติ ลิทช์ฟิลด์ (Litchfield) และยังเป็นฐานสำหรับ การเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติคาคาดู (Kakadu) และแคเธอรินที่อยู่ทางใต้ มีป่าชายเลนที่ยังไม่ถูก ทำลายใกล้กับ อุทยานแห่งชาติแม่น้ำแมรี่ (Mary River National Park) ที่เป็นแหล่งของนก นานาพันธุ์ และแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ ตอนนั้นตั้งใจไปดูจระเข้ยักษ์ที่มีชื่อของออสเตรเลีย อากาศอบอุ่นแบบร้อนชื้น และลมทะเลในระดับปานกลาง ทำให้วิถีชีวิตเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง ตลอดทั้งปีมีชนเผ่าอะบอริจินอยู่่หลายกลุ่มที่ปัจจุบันนี้ได้ร่วมกันดูแลอุทยานแห่งนี้ร่วม – หน่วยงานหนึ่งของรัฐบางกลางออสเตรเลีย – ชาวอะบอริจินได้เรียกคาคาดูเป็นบ้านของตนมากว่า 50,000 ปีแล้ว ดังปรากฏจากวัฒนธรรม ของพวกเขา ที่สามารถเห็นได้จากภาพเขียนบนหินจำนวนมาก ตอนที่ไปช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม น้ำตก Twin และ Jim Jim มีน้ำไม่เยอะมาก

ตอนมาออสเตรเลียมีความตั้งใจว่าจะต้องเห็นให้ทั่วและที่หนึ่งที่หลายคนไม่ได้ไปตือ กลางประเทศ อาจจะเป็นเพราะ ลำบาก (ก็เลยเอาแม่ไปด้วยไม่ได้) ค่อนข้างไกล ค่าใช้จ่ายสูง บางคนอาจคิดว่าไปดูทำไมหินแดงก้อนเดียว แต่แตงรู้สึกว่าเป็นหินศักดิ์สำหรับคนพื้นเมืองและอยากไปเห็นด้วยตา และรู้สึกด้วยตัวเอง มหาวิทยาลัยมีการจัดพาไป แต่ใช้เวลาไปกลับนั่งรถบัสจากแคนเบอร์ร่า 12 วัน ดูแล้วว่าไม่ไหว เลยตัดสินใจไปเอง ขึ้นเครื่องจากแคนเบอร์ร่า เกือบ 5 ชั่วโมงไปลงอะลิซสปริงส์ (Alice Spring) ไปรวมกับแพคเก็จ 7 วันรวมอาหารที่พัก กับ ทัวร์ YHA ลงไปถึงเมืองอะดิเลด (Adelaide) ทางตอนใต้ของประเทศ พันกว่ากิโลเมตร รถตู้ประมาณ 12 คนจากยุโรป มีไต้หวันและก็เราทำกับข้าวทานกันในแคมป์ ผิงไฟ นอนในถุงนอนในกระสอบ ดูดวงดาว ก็สนุกแบบลุยๆ

The Red Zone of Central Australia ดินแดงกลางประเทศ

ออสเตรเลียมีขนาดทะเลทรายรวมกันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากทะเลทรายซาฮาราในทวีปออสเตรเลีย ชาวออสเตรเลียเรียกดินแดนที่แห้งแล้งและทุรกันดารนี้ว่า "เอาต์แบ็ก" แม่น้ำลำธารต่าง ๆ อาจแห้งสนิทเป็นเวลาหลายปี สามที่ไฮไลต์ที่จพูดถึงคือ คิงส์แคนยอน (Kings Canyon); อุทยานแห่งชาติคาตา ทจูตา (The Olgas/Kata Tjuta National Park); อูลูรู หรืออะเยอร์ร็อก (Uluru/Ayers Rock)

Kings Canyon เป็นหุบเหวลึกลงไปในเปลือกโลกถึง 270 เมตร หินที่มีสีแดงของแคนยอนอยู่สูงถึง 100 เมตรเหนือระดับทั่วไป จึงทำให้มันโดดเด่นเมื่อเที่ยบกับโดยรอบของทะเลทราย

Kata Tjuta (The Olgas) ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดิน เสียดแทงขึ้นสู่ท้องฟ้า สีแดงโดดเด่นตั้งตระหง่าน ตอนเดินดูหุบเขาแห่งสายลม (Valley of the Winds) เพื่อสัมผัสจิตวิญญาณของคาตา ทจูตา จำได้ว่ารู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เห็นทัศนียภาพต่างๆ วิวจากเขาที่ตั้งสลับซ้อนกันดูสวยแปลกตากว่า

Uluru (Ayers Rock) เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ของชาวอะบอริจินิส มากว่า 40,000 ปี เป็นเขาเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะกลมมนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางที่ราบ วัดจากเหนือมาใต้เกือบ 2 กิโลเมตร ส่วนสูง 348 เมตร รอบฐานยาวเกือบ 10 กิโลเมตร มีคนมาเที่ยวปีหนึ่งประมาณ 300,000 คน มีลักษณะส่วนประกอบเป็นหินเชิงเดี่ยวหรือเป็นหินเนื้อเดียวทั้งก้อน สีแดงเข้ม และเปลี่ยนสีตามแสงสะท้อนของพระอาทิตย์ ตอนนั้นไปดูทั้งหมด 5 เวลาในสามวัน ตีห้าแดงระเรื่อรอพระอาทิตย์ เที่ยงแดงจัดจ้าน บ่ายสี่แดงแก่ พระอาทิตย์ตกดินสวยที่สุด และก่อนมืดก็เหมือนหินก้อนใหญ่ธรรมดาก้อนหนึ่ง คิดไปแล้วก็เหมือนวงจรวีวิต กลันสู่สามัญ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่เป็นวัฏจักรไป

การปีนขึ้นไปบนหินจนถึงยอดทำได้โดยอาศัยโซ่ ภูมิภาพมองจากยอดหินจะเป็นที่ราบโล่ง การปีนป่ายเป็นการละเมิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชาวอะบอริจินิส แตงว่าก็เหมือนเราอยากให้คนต่างชาติให้เกียรติพระพุทธรูปบ้านเรา แต่คนจากทุกสารทิศเป็นจำนวนมากที่ต้องการปีน แต่ต้องระวังมากเพราะมีการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตได้

รัฐเซาท์ออสเตรเลีย (South Australia)

รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เมืองหลวงชื่อ อะดิเลด (Adelaide) เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในฐานะเมืองแห่งเทศกาล และ เมืองหลวงแห่งอาหาร และไวน์ ของออสเตรเลีย การจราจร ติดขัดจะไม่มีให้เห็น เนื่องด้วยถนนที่กว้าง และจัด ผังเมืองอย่างดี คุณสามารถไปถึงทุกจุดได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีจากใจกลางเมือง ขับรถจากเมืองอะดีเลดเพียง 1 ชั่วโมง หุบเขาบารอซซา (Borassa) เป็นย่านผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของออสเตรเลีย



  • เทือกเขาฟลินเดอร์ (Flinders Ranges) ตอนลงมาจากกลางประเทศเข้าสู่ตอนเหนือของอะดีเลด เทือกเขา ฟลินเดอร์เป็นบริเวณที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มียอดเขา สูงต่ำสลับกันไป หน้าผาที่สูงชัน สัตว์ป่าที่มากมาย ถิ่นของ ชาวอะบอริจิน และยังเป็นประตูสู่ใจกลางที่แท้จริงของ เมืองหน้าด่านที่คูเบอร์ พีดี (Cooper Pedy) ได้รับการยอมรับว่า เป็นแหล่งผลิตโอปอล หินล้ำค่าที่ใหญ่ที่สุดใน โลก และยังมีชื่อเสียง ได้เห็นการใช้ชีวิตในบ้านใต้ดินที่รักษาอุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปและ โบสถ์ใต้ดิน
  • เกาะแกงการู (Kangaroo Island)
    ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เพียง 16 กม. เกาะแกงการูเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของออสเตรเลีย โดยร้อยละสามสิบ ของพื้นที่์เ็ป็น อุทยานแห่งชาติ และเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่า มันจึงเป็นสววรค์ของ สัตว์ป่านานาพันธุ์ รวมทั้ง สิงโตทะเลและนกเพนกวิน
    • ตอนนั้นเดินทางด้วยรถยนต์ตลอดแต่ทราบว่า รถไฟ Ghan เป็นหนึ่งในการเดินทางโดยรถไฟที่ดีที่สุดในโลก และได้มีการเปิด เส้นทางใหม่จากอะลิซสปริงส์สู่ดาร์วิน และเส้นทางนี้ปัจจุบัน กลายเป็นเส้นทางเชื่อมประเทศจากทางใต้ไปทางเหนือ รถไฟ Ghan เปิดให้บริการสัปดาห์ละสองเที่ยวจากดาร์วินสู่อะลิซสปริงส์ และ อะดิเลด

**************************************************************

รู้สึกว่าบทนี้ยาว และเขียนยากกว่าปกติ ประเทออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่ และมีความหลากหลาย ทั้งด้านสถานที่และอารยธรรม พื้นที่หลากหลายจากทะเลทราย เป็นเขียวขจี ป่าร้อนชื้น และชายหาด ปะการังที่สวยงาม จนเมืองใหญ่ที่ทันสมัย คนที่นี่ก็มีความผสมหลากหลาย บางทีก็รู้สึกเหมือนอยู่เมืองฝรั่งขาวอยู่ในยุโรปแต่ใช้ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก บางทีก็รู้สึกเหมือนอยู่แถวบ้านเพราะคนเอเซียเยอะ ได้ยินภาษาไทยบ่อยโดยเฉพาะที่ซิดนีย์ หาอาหารเอเซียทานง่าย บางมีไปเที่ยวก็เหมือนอยู่อีกโลกลึกลับในอดีต มีค้นพื้นเมือง ศิลปะโบราณ แต่สิ่งที่รักมากของที่นี่คือ ความเป็นอิสระ พื้นที่ที่กว้างขวาง ท้องฟ้าสีน้ำเงิน อากาศอบอุ่นบริสุทธิ์ในชีวิตประจำวัน

รู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ประเทศนี้ ห้าปีแล้วและก็บอกไม่ได้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ โชคดีที่อยู่นี่ อยู่ในประเทศที่สงบ ปีปัจจัยสี่ทีอำนวยความสะดวก ได้กลับบ้านบ่อย แม่มาเยี่ยมง่าย งานวิจัยที่ทำก็เกี่ยวกับประเทศไทย ในขณะที่มองหาทางเลือกข้างหน้า วันนี้ก็มีรู้สึกดีกับที่ที่อยู่ ติดต่กับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และมีพอใจกับงานที่ทำ จริงๆมีความสุขกับที่ที่อยู่ได้ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก


0 Comments:

Post a Comment

<< Home