8/09/2009

Moscow & St. Petersburg

สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) เป็นประเทศตั้งแต่ทางตะวันออกของทวีปยุโรป และทางเหนือของทวีปเอเชีย เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด ร้อยละ 70 นิกายออร์โธด็อกซ์รัสเซีย (Russian Orthodox)เป็นนิกายดั้งเดิมของรัสเซีย หลังจากสหภาพโซเวียต ล่มสลายเมื่อปี 1991 ทำให้สาธารณรัฐต่าง ๆ แบ่งแยกตั้งเป็นประเทศทั้งหมด 15 ประเทศ ประเทศเหล่านี้ยังมีการรวมกลุ่มกันเป็น Commonwealth of Independent States (CIS) รวมทั้ง เบลารุส Belarus ยูเครน Ukraine, อาร์เมเนีย Armania, อาเซอร์ไบจาน Azerbaijan, คาซัคสถาน Kazakhstan, คีร์กีซสถาน Kyrgyzstan, มอลโดวา Moldova, ทาจิกิสถาน Tajikistan, เติร์กเมนิสถาน Turkmenistan, อุซเบกิสถาน Uzbekistan, จอร์เจีย Georgia ยกเว้นประเทศในทะเลบอลติคเช่น เอสโตเนีย Estonia ลัตเวีย Latvia และลิทัวเนีย Lithuania

ตอนที่ไปตั้งใจเลือกไป 2 เมืองคือ กรุงมอสโก (Moscow) เป็นเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การเงิน การศึกษา และ การเดินทางของประเทศ มอสโกได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงอันดับต้นของโลก เมืองใหญ่อันดับสองของรัสเซีย เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) ซึ่งได้รับการจัดเป็นมรดกโลก เนื่องจากทั้งสองเมืองตั้งอยู่ค่อนข้างไปทางขั้วโดลกเหนือการเลือกฤดูกาลในการเที่ยวจึงสำคัญมาก ฤดูร้อนประมาณเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะค่อนข้างอุ่น และวันยาวมาก สี่ทุ่มกว่าก็ยังไม่มืด ถ้าฤดูหนาวโดยเฉพาะธันวาคมและมกราคม อากาศติดลม 20 องศาเซลเซียส และ 10 โมงเช้าก็ยังไม่ค่อนสว่าง การเดินทางตอนนั้นไปจากเมืองไทยด้วยสายการบินตุรกี ไปแวะเที่ยวที่ตุรกี แล้วไปลงที่กรุงมอสโก แต่ขากลับกลับทางเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซื้อแพคเกจทัวร์ท้องถิ่นที่รัสเซีย http://www.expresstorussia.com/ ติดต่อและจ่ายเงินล่วงหน้า ทัวร์เริ่มจากกรุงมอสโกว์ รวมค่าไกด์ส่วนตัว พร้อมคนขับรถ โรงแรม รับส่งตลอด และรถไฟนอนไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประทับใจการบริการเขามาก ตอนอยู่ที่นู่นขาดเหลืออะไรติดด่อไป เขาก็จัดการให้ทันที จริงๆแวอยากไปรัสเซียมาสักพักแล้ว แต่แพ็คเกจทัวร์จากเมืองไทยค่อนจ้างแพง กว่า 80,000 ต่อคน ก็เลยคิดว่าจัดเองดีกว่า คนไทยไม่ต่องขอวีซ่าเข้ารัสเซียด้วย พอจัดเองก็ถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง ใข้อีกส่วนหนึ่งไปเที่ยวที่ตุรกีแทน แต่ว่าเหนื่อยหน่อย แต่ดูแม่มีความสุข
โปรแกรมที่อยู่ที่มอสโคว์ พักที่โรงแรม Bega ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าติดกับ สนามแข่งม้า Hippodrome ตารางเที่ยวก็เป็นที่ท่องเที่ยวหลัก เริ่มจาก จัตุรัสแดง (Red Square) ที่มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นที่นี่ลานที่ผ่านเหตุการณ์ทั้งความสุขและทุกข์ไปด้วยกับชาวรัสเซียอันมีวิหาร โบสถ์เซนต์บาซิล (St.Basil Cathdral) สถาปัตยกรรมที่แสนวิจิตรพิสดารงดงามแปลกตา ตั้ง ตระหง่านอยู่จนกลายเป็นสัญลักษณ์ในดินแดนแห่งนี้อย่างโดดเด่นด้วยอาคารรูป โดม9 โดม มีสีสันสดใสสวยงาม ขนาดเล็กใหญ่ลดหลั่นกันไป คล้ายลูกกวาดหลากสีเป็นที่จับใจของผู้ที่ได้มาเยือนถือเป็นหัวใจของกรุงมอสโคว์และประเทศรัสเซีย ห้าง Gum ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ ห้างกุม สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของเมืองที่มีความสวยงามโดดเด่น ซึ่งปัจจุบันถูกจับจองด้วยร้าน Brand Name ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสุสานเลนิน (Lenin's Mausoleum) ซึ่งแถวเช้าายาวแต่เช้าเลยไม่ได้เข้าไป

นำท่านเข้าชมพระราชวังเครมลิน (Great Kremlin Palace) สัญลักษณ์แห่งอดีตอันยิ่งใหญ่ศูนย์กลางแห่ง
ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของรัสเซีย รอบล้อมด้วย กำแพงสีแดงและดาวแดงปืนใหญ่ของพระเจ้าซาร์ ระฆังใหญ่หนัก 210 ตัน ที่มีชื่อเสียง ข้างในมีพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ (The State Armory) ซึ่งถือ ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บ เครื่องประดับเพชรนิลจินดา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพระเจ้าซาร์ เครื่องเงิน เครื่องทอง The State Diamond Fund สถานที่เก็บทรัพย์สินของแผ่นดินความร่ำรวยและความยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นก็ไปดูเซ็นต์ซาเวียร์ วิหารโดมทองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ที่ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่เนื่องในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 850 ปี แห่งการสถาปนากรุงมอสโคว์ พร้อมกับชมทัศนียภาพที่สวยงามของกรุงมอสโคว์จากด้านบนของมหาวิหาร ข้างในก็ทองอร่ามมากเสียดายที่ถ่ายรูปไม่ได้

จากนั้นไปผ่าน จุดชมวิวของที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงมอสโคว์ได้ทั้งหมดบนยอดเขา สแปร์โร่ฮิลล์ (Sparrow Hill) ใกล้ๆกันเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยมอสโคว์ (Moscow State University) มีสระน้ำเป็นทางยาวพาดอยู่ด้านหน้าตึก เห็นเงาสะท้อน เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของประเทศ นอกจากนั้นไปดูวิถีชีวิตแบบคนเมืองมอสโคว์ที่ถนนอารบัต Arbat Street แหล่งรวมศิลปินริมถนนแบบมอสโคว์และของที่ระลึกต่าง ๆ และสีสันยามเย็นของผู้คนที่มารวมตัวกัน

สถานีรถไฟใต้ดิน ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยงามที่สุดในโลก อันเป็นเสน่ห์ชวนหลงไหลอีกอย่างของมอสโคว์ ที่ใช้ปี ค.ศ. 1935 แบ่งเป็น 11 สาย รวมระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ตอนนั้นมีเวลาน้อยเลยึ้นสายกลางวนเมือง Circle line เป็นหลัก แต่ทุกป้ายและแผนที่ไม่มีภาษาอังกฤษ ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการแกะภาษารัสเซียไป การตกแต่งภายใจของแต่ละสถานีล้วนวิจิตรตระการตา ไม่ว่าจะเป็นงานปฏิมากรรม งานจิตรกรรม ความสวยงามตามฝาผนัง เพดานของสถานี งานสเตนกลาส ทั้งโคมไฟและงานประดับประดาต่าง ๆ ภาพวาดสี น้ำมัน โคมไฟคริสตัล โมเสก ฯลฯ แม้แต่คนท้องถิ่นก็ยังยืนพินิจพิจารณาความงามเหล่านี้

ถ้าคนที่สนใจด้านศิลปะ วัฒนธรรม ขอแนะนำให้ดู พิพิธภัณฑ์ Leo Tolstoy ผู้เขียนเรื่อง War and Peace, แกลลอรี่ Tretyakov หอแสดงภาพชั้นนำรวบรวมยอดฝีมือภาพ, พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติพุชกิ้น State Pushkin Museum of Fine Arts และโรงละครบอลชอย Bolshoi Theatre












หลังจากอยู่มอสโคว์ไม่กี่วันก็ถึงเวลานั่งรถไฟกลางคืนไปถึงนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เข้าที่พักแถว ถนนเนฟสกี้ (Nevsky Prospect) เป็นถนนสายหลักหนึ่งในเมืองที่สวยงาม ถนนนแปดเลนเหมือนมอสดคว์ แต่ผังเมืองดูน่าอยู่ เวนิชทางตอนเหนือ (the Venice of the North) ที่แรกที่อยากไปเห็น คือ โบสถ์แห่งหยดเลือด Church of The Saviour on Spilled Blood อนุสรณ์สถานโดมทรงหัวหอมสีลูกกวาดแด่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งถูกลอบปลงพระชมน์ ณ ตรงนั้น จากนั้นนำท่านถ่ายรูปคู่กับโบสถ์หยดเลือด โบสถ์สีสันสวยงามริมคลอง Griboyedov สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมรัสเซีย คล้ายกับวิหารเซนต์บาซิลที่จัตุรัสแดง

ไฮไลต์อีกที่คือ ป้อมปีเตอร์แอนด์พอลPeter and Paul Fortress เพื่อใช้เป็นป้อมปราการ ป้องกันข้าศึกรุกราน ภายในมีวิหาร ที่ตกแต่งด้วยศิลปะบารอก เป็นที่เก็บพระศพของราชวงศ์โรมานอฟ เริ่มต้นที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นองค์แรก จนถึงองค์สุดท้ายคือพระเจ้านิโคลัสที่ 2
ความสวยงามของวิหารเซนต์ไอแซค Isaac Cathedral โดมทองใหญ่เป็นความภูมิใจของขาวเมือง เป็นมหาวิหารนิกายออร์โธดอกซ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ต้นแบบของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่ากันว่าโดมเป็นทองล้วนๆ 100 กิโลกรัม


พิพิธภัณฑ์ที่พลาดไม่ได้คือ The Hermitage ในภาษารัสเซียจะเรียกว่า "แอร์มิตาจ" ประกอบไปด้วย Winter Palace, Little hermitage, Large Hermitage, Hermitage Theatre รวบรวมผลงานของ ศิลปินระดับโลกอย่าง ไมเคิล แองเจโล่ ดา วินชี่ แวนโก๊ะ ปิกัสโซ่ และแรมบรันด์เป็นต้น อศิลปะและสถาปัตยกรรมที่วิจิตรภายใน ว่ากันว่าในพิพิธภัณฑ์ แห่งนี้มีงานกว่า 3 ล้านชิ้น ซึ่งถ้าพิจารณาทุกชิ้น อาจใช้เวลาเป็น 10 ปีได้ ครั้งนี้เวลาไม่พอค่ะ อาจมีโอกาศอยากกลับมาดูอีกครั้ง อีกที่นอกเมืองที่ไม่มีโอกาสได้ไปครั้งนี้คือ เมืองปีเตอร์ฮอฟ Peterhof ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวฟินแลนด์ สร้างด้วยศิลปะผสม ทั้งแบบเรอเนสซองส์ บารอก และคลาสสิก ในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ด้านหน้าพระราชวังหันออกสู่อ่าวฟินแลนด์ มีน้ำพุที่ทำเป็นน้ำตกลดหลั่นกันถึง 27 ชั้น มีสวนที่สวยงาม ปรากฏในโปสการ์ดที่ระลึก

ข้อมูลจปาถะ เช่น สกุลเงินรูเบิล เตรียม US หรือ Euro ไปแลกได้ทั่วไป ไฟฟ้า220V 50Hz ส่วนมากเป็นแบบหัวแหลม ได้ภาษารัสเซียมาคำเดียวคือ ใช่ = ดา da! เกือบลืมเอ่ยถึงความงสมของสาวงสาวรัสเซีย ตัวเล็กก็น่ารัก ตัวใหญ่ก็เหมือนนางแบบ อาหารการกินถ้าเด่นก็ต้องเป็นไข่ปลาคาร์เวีย พร้อมว็อดก้า อาหารพื้นเมืองรัสเซีย ส่วนใหญ่จะมีรสชาติจืด ซุปบ้าง เนื้อบ้าง ร้านอาหารเอเซียจีน ญี่ปุ่นพอหาทานได้บ้าง อาหาร fastfood ก็หาได้ทั่วไป
ตลาดนัดมีทั่วไปเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ระลึกที่ขึ้นชื่อ เช่น ตุ๊กตามาทรอซกา หรือตุ๊กตาแม่ลูกดก มีทุกขนาด หรูบ้าง น่ารักบ้าง แบบทันสมัย แบบพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน งานฝีมือ ของใช้ในฤดูหนาว เช่น ผ้าพันคอไหมพรม ถุงมือกันหนาว และสินค้าเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ
คำปิดท้าย ประทับใจค่ะ ดีใจที่ได้ไปเห็นดินแดจที่ยิ่งใหญ่นี้ รู้สึกว่าเขาเป็นตัวของตัวเอง ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง ภาษา วัฒนธรรม สถปัตยกรรมที่แตกต่าง ตอนแรกคนเตือนว่า ไปเที่ยวเองลำบาก อันตราย แต่เราก็พยายามระวังตัว แม้ว่าส่วนมากทุกอย่างเป็นภาษารัสเซีย lost in translation ก็ใช้คอมมมอนเซนส์ จากที่ทำการบ้านมาล่วงหน้าบ้าง เดาบ้าง ถามคนบ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ ก็พยายามช่วย เดินพาไปบ้าง ทำไม้ทำมือบ้าง ซึ่งใจที่เขามีน้ำใจช่วยหมวยไทยสองคนแม่ลูก

0 Comments:

Post a Comment

<< Home