4/29/2009

Travelling the World with My MOM

บทนำ

วันนี้แตงส่งแม่กลับบ้าน จากเมืองแคนเบอร่า (Canberra) กลับไปหาพ่อที่กรุงเทพ พอพวกเราไปถึงสถามบินก็แซวแม่ว่า นี่ไม่รู้ว่าหยิบหนังสือเดินทาง (passport) มาถูกเล่มหรือเปล่า พอเปิดดูก็เห็นรูปตัวเอง รู้เลยว่าหยิบมามั่ว แม่ขำใหญ่ ต้องให้รถแท็กซึ่ขับกลับไปเอา ยังดีที่เป็นเมืองเล็กแค่ 20 กิโลเมตร ถ้าเป็นสนามบินสุวรรณภูมิคงตกเครื่องกันพอดีนี่เป็นครั้งที่ 5 ที่แม่มาเยี่ยม ตั้งแต่แตงย้ายมาอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2005 นึกๆไปก็หลายปีเหมือนกัน กอ่นหน้านี้ตอนที่ทำงานที่กรุงเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) เดือนพฤษภาคม 2002 ถึง มีนาคม 2005 แม่ก็ไปเยี่ยมด้วย เที่ยวที่นู่นที่นี่ด้วยหลายครั้ง และยังตอนที่เรียนโทที่นครนิวยอร์ค (New York) ประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ซึ่งก็มาตั้งแต่ปี 2000 นับไป นับมานี่แตงก็อยู่เมืองนอกมาเกือบ 10 ปี อยู่มา 3 ทวีป ไปเที่ยวมาเกือบ 30 ประเทศ ซึ่งส่วนมากก็จะมีแม่เป็นเพื่อนเที่ยว มีคนถามพอสมควรเหมือนกับว่าเที่ยวกับแม่สนุกเหรอ ตอนแรกเพื่อนฝรั่งก็สงสัย เพราะว่าฝรั่งพอโต เขาก็ไม่เดินทางกับครอบครัวเท่าไหร่ เนื่องจากเราก็ออกจากบ้านมานานแล้ว เดินทาง นั่งเครื่อง นั่งรถก็เห็นหน้ากันดลิด กิน อยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีการปรับตัว อะไรยอมได้ก็ยอม ยอมไม่ได้ก็ต้องตกลงกัน เวลาเดินทางก็ไม่ใช่จะสบายตลอด เดินทางแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน (trade-off) ไปแบบกระเป๋าเดียว (backpacker) บางทีก็ไปแบบทัวร์รวม (package tour บางที่ก็เป็นแบบชะโงกทัวร์ แชะ ช้อบ ฉี่ จริงๆ หรือไม่ก็ที่ทัวร์แซวว่า ลูกทัวร์นี่ นั่งเป็นหลับ ขยับเป็น'แดก' แยกเป็นหลง ลงเป็นซื้อ) บางทีก็ไปประชุม (conference ซึ่งก็หนีเที่ยวไม่ได้มากแต่กินดีอยู่ดี) หรือเดินทางไปดูงานอย่างพ่อ ซึ่งส่วนใหญ่เน้นหรูแบบผู้ใหญ่ ไม่ได้สมบุกสมบัน รู้รสชาติความลุยอย่างแตงกับแม่หรอก อิอิอิ

จริงๆแล้วพอลองนึกดู ตอนเด็กๆ แตงก็ได้เดินทางในประเทศ ส่วนมากตามพ่อไปบรรยาย ไปจังหวัดนู้น จังหวัดนี้ และก็ลงใต้กลับยะลากันทุกปีมีแตงกับปาลํมตีตั๋วนอนข้างหลังรถ ตอนเด็กๆจำได้ว่า พ่อเดินทางมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จำได้ว่ามีรูปตอนพ่อกลับมาจากประเทศอังกฤษ ตอนนั้นทั้งแตงกับปาล์มก็ยังเด็กมาก จำได้ว่าพอโตหน่อยพ่อก็ไปแคนาดา ยังจำตอนเขียนจดหมายสมัยที่เป็นกระดาษสีฟ้าได้ จำได้ว่าฉบับหลังๆ กว่าจะไปถึง พ่อก็กลับมาแล้ว พอโตหน่อยก็จำได้ว่า พ่อไปเกาหลีใต้ดูงานหลายครั้ง ปักกิ่ง เวียดนาม คุนหมิง อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ ยุโรปตอนปีที่พ่อเกษียณ 60 ปี แต่ตั้งแต่พวกเราจำความได้แม่อยู่กับพวกเราตลอดม่เคยไปไหนเลย พอโตก็เลยคิดว่าแม่น่าจะได้พักผ่อนหลังจากเกษียณก่อน 50 ปี และได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งความฝันของแม่ก็คือได้เห็นโลกกว้าง เห็นความเหมือน ความแตกต่าง และความสวยงามของโลก

การท่องเที่ยว ไม่จำเป็นต้องเป็นงานอดิเรกที่แพง (expensive hobby) อย่างที่คิด ถ้าวางแผนให้ดี ตามการวางแผนรายจ่าย (budget) ของตัว เอง อาจเริ่มจากในประเทศหรือ ประเทศที่ใกล้ๆก่อน การเดินทางท่องเที่ยวก็เหมือนการเก็บสะสม เหมือนเก็บเงิน ซื้อของ แต่เป็นการเก็บเงิน ซื้อประสบการณ์ ต้อง จัดระดับความสำคัญ (prioritise) มีเป็นร้อยประเทศทั่วโลก ไปไม่หมดแน่ ขนาด 80 วันรอบโลก เขาก็เลือกไปเพียงบางที่ (so much to see, so little time) และแต่ความสนใจของคน การเดินทางถ้าจะเปรียบ ก็เหมือนอ่านหนังสือที่เป็นสามมิติ สัมผัสได้ บางคนชอบธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร (nature) บางคนชอบภูเขา ก็มีอีกว่าภูเขาเขียว ภูเขาหิมะ บางคนก็อยากน้ำตกไม่ว่าจะเป็น Niagara Fall หรือน้ำตก Victoria แถว Zambia/Zimbabwe หรือ น้ำตก Iguazu ในประเทศ Brazil บางคนชอบดูตึกโอ่อ่า (architecture) ศิลปะภาพวาด (painting) รูปปั้น (sculpture) อนุสาวรีย์ (monument) บางคนชอบเน้นทำกิจกรรมเช่น ดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก(snorkeling, diving) ปีนเขา (hiking, treking) ก็มีเพื่อนที่ไปเทือกเขาหิมาลัย (Himalaya) ไปปีนเขา kimunjaro ที่ประเทศ Tanzania ในทวีปแอฟริกา หรือภูเขาฟูจิ Fuji ที่ประเทศญี่ปุ่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือที่แม่ชอบเรียกว่า 'ซากปรักหักพัง' ซึ่งแตงชอบมากโดยเฉพาะแถวประเทศอียิปต์ กรีก ตุรกี บางคนก็อยากเห็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นปิระมิด กำแพงเมืองจีน หรือดินแดนไกล เช่น Macchu Picchu ของชนเผ่าอินคาในประเทศเปรู หรือ ความงามของเมือง Jerusalem ประเทศ อิสราเอล บางคนเน้นดูตึกสถาปัตยกรรมงดงามอลังการแถวยุโรป Europe บางคนเน้นช้อปปิ้งในเอเซีย ดูวัฒนธรรมที่แม้ว่าคล้ายกันในสายตาฝรั่งแต่แตกต่างมากแม้แต่ภายใน Asia ด้วยกัน ลางเนื้อชอบลางยา การเดินทางก็เป็นการทำความรู้จักตัวเอง บางทีที่บอกว่าเปิดโลก จริงๆ แล้วอาจเป็นการเปิดตัวเองด้วยการเปิดประตูสู่โลกกว้าง แม้ว่าจะไม่ได้ไปเห็นทุกที่ แต่ถ้าเคยไปสัมผัส คุยกันบรรยากาศก็พอจะนึกภาพออก

การเรียนรู้มีได้หลายทาง จากการอ่านหนังสือ การสอบถามพูดคุย การดูภาพยนตร์ โทรทัศน์ สารคดี (documentary เช่น National Geographic) แต่ละคนก็มความสุขต่างกัน บางคนเน้นกิน บางคนชอบชื้อ บางคนชอบอยู่บ้านปลูกต้นไม้ (เหมือนพ่อนั่นแหละ) การเดินทางก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เรียนรู้เกี่ยวกับผู้คน (people) วัฒนธรรม (culture) ภาษา (language หรือบางทีก็พูดกันไม่รู้เรื่องเป็น lost in translation ไป) ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ประสบการณ์เป็นสิ่งที่น่าจดจำ นอกจากผู้คนที่พบเจอและสถานที่ การเดินทางคนเดียวก็น่าสนใจทำให้อยากทำความรู้จักคนรอบตัวมาก ได้ในเวลาคนเดียว การเดินทางกับเพื่อนก็เป็นเรื่องสนุก การเดินทางกับคู่ก็เป็นเรื่องดี (แต่ก็ต้องประนีประนอม เพราะอาจมีการทะเลาะกันระหว่างทางได้) แต่ละคนก็ชอบแต่ละอย่าง แต่ละคนมีสไตล์การเดินทางไม่เหมือนกันบางคนเน้นกินหรู บางคนเน้นนอนแบบราชา บางคนเน้นช้อปปิ้งของ และของที่ระลึก souvenir (พอเดินทางเยอะๆนี่ของก็กลับไปกองที่บ้าน แม้ว่าจะเป็นที่ระลึก เอาไว้คุยถึงได้ talking points แต่พอถึงจุดหนึ่งก็อาจรกเหมือนที่เก็บของได้ อาจกลายเป็นแบบ แต่ไม่ match ผสมแต่ไม่ผสาน) บางคนก็อยากพักผ่อนจริงๆไม่เน้นดูอะไรมาก ถ้าความต้องการคล้ายกันก็ง่ายหน่อย สำหรับแตงผู้ที่ร่วมเดินทางมีความสำคัญมากในการได้มีประสบการณ์ร่วมกัน (shared experiences) ระหว่าง 10 ปีที่เดินทางกับแม่นั้นทำให้ได้รู้จักมากขึ้นและไม่ใช่แค่ในฐานะแม่ แต่เป็นฐานะเพื่อนร่วมทาง หลายสิ่งหลายอย่างที่ไปเห็นด้วยกันเป็นความทรงจำที่มีค่า

การเดินทางแต่ละครั้งก็ต้องมีการทำการบ้าน หาข้อมูลที่ๆจะไป (เว็บไซด์ท่องเที่ยว หนังสือทัวร์ Lonely Planet, DK, Fodor หาข้อมูลจากแพ็คเก็จทัวร์แล้วใช้เป็นแนวทางจัด) ตรวจสอบหนังสือเดินทาง (passport) ว่ายังอายุเกิน 6 เดือน ตรวจสอบระเบียบการข้อกำหนดการขอหนังสือเข้าเมือง (visa ถ้าไม่มีเอกสารเข้าเมืองอาจโดนส่งกลับได้ทันที) ของแต่ละประเทศ รวมทั้งระเบียบการข้อห้ามการนำของเข้าประเทศ (custom เช่นที่ประเทศออสเตรเลียเคร่งมาก) และบางประเทศก็มีการแนะนำให้ฉีดยาป้องกันโรค(immunization เช่นทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้) การวางแผนการใช้เงิน (budgeting) และการเตรียมตัวในการเดินทางอื่นที่สำคัญ ซึ่งก็มีทางเลือกหลากหลาย ก็เช่น เรื่องตั๋วเครื่องบิน (flight booking) ว่าจองทางอินเตอร์เนท (เช่น travelocity, expedia, orbitz) จองตรงกับสายการบินหรือจองผ่านบริษัททัวร์ (travel agency เช่น STA travel) การจองที่พัก (accommodation เช่น โรงแรม hotel หรูก็พวก Hilton, Shangri-la, Novotel, Mercure ราคากลางเช่น Ibis, Best Western ก็แล้วแต่ หรือที่พักเยาวชน youth hostel เช่น YHA, YMCA) การเดินทางภายในประเทศที่กำลังจะเดินทางไปไม่ว่าจะเป็นบินในประเทศ รถไฟ รถบัส (domestic travel) และการใช้ตั๋วรถไฟ (railpass เช่น Japan rail ในประเทศญี่ปุ่น หรือ Eurail ในยุโรป หรือการจองต๋วรถไฟทางอินเตอร์เน็ต)

ก็หวังว่าจะได้มีโอกาศที่จะได้ตอบคำถามในใจของหลายคนซึ่งตามประสาแตงก็ต้องเริ่มจาก ตอบคำถามตัวเอง:

Why - เดินทางทำไม หรือทำไมถึงอยากที่จะเดินทาง แรงบรรดาลใจ สนใจอะไรเป็นพิเศษ ต้องถามตัวเองว่าชอบอะไร ชอบความทันสมัยเทคโนโลยี ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา

Where - ไปไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจ แต่ละคนก็มีเหตุผลที่อยากไปต่างกัน ในประเทศ ต่างประเทศ ทวีปไหน

What - ไปแล้วจะไปทำดูอะไร ทำกิจกรรมอะไร บางตนชอบเที่ยวกลางวัน บางคนชอบออกไปกลางคืน ชอบดูธรรมชาติ เน้นซื้อของ (บางคนตอนไปแค่กระเป๋าเดียว ขากลับ ออกลูกออกหลานเป็น 4 ใบ) ไปดูความเป็นอยู่คน หรือเน้นนอนตากแดดพักผ่อน (เหมือนฝรั่งเที่ยวเมืองไทยเพราะเมืองเขาหนาวไม่ค่อยเจอแดด)

How - ไปอย่างไร ไปกับงาน (ก็ต้องตามโปรแกรมเขา อาจได้เที่ยวบ้าง แต่ก็ควรตามไปกับกลุ่ม) ไปเอง (ก็ต้องเตรียมตัวทำการบ้านให้ดี ตั้งแต่เตรียมเอกสาร โปรแกรมการเที่ยว ที่พัก ต้องคำนวณงบรวมทั้ง pocket money ให้ดีด้วย) ไปกับทัวร์ (ถ้าเป็นในเอเชียนี่ก็แนะนำ เพราะไปเองอาจไม่สะดวก และอาจจะแพงกว่าได้ แต่ก็ต้องทำใจว่าอาจต้องรอหมู่คณะ แถมบางท้วร์ก็อาจเน้นขายของไปหน่อย) จะเตรียมการไปอย่างไร กระเป๋าเล็กกระเป๋าตึก รายละเอียด ต้องนำของสำคัญหยูกยาอะไรไปบ้าง

When - ไปเมื่อไหร่ ไปนานแค่ไหน เป็นตัวแปรเรื่องเวลา ฤดูกาล ก็ขึ้นอยู่กับที่จะไป ถ้าจะไป ทะเลทราย ก็ควรไปหน้าหนาว ถ้าไปดำน้ำ ต้องไปหน้าที่ไม่มีมรสุม ถ้าไปดูดอกไม้ไปหน้าฤดูใบไม้ผลิ อย่างไปดูตอนฤดู ดอกไม้ร่วงเป็นสีเหลืองแดง ความงามต่างกัน ไปดูซากุระก็ต้องกะจังหวะให้ดี

Who - ไปกับใคร จะตามใจเขา หรือตามใจเรา ใครจะเป็นหัวหน้าทัวร์ ก็ต้องเตรียมตัว จะได้ขาดเหลือน้อยที่สุด และไม่เสียเวลา เสียอารมณ์ ไม่ว่าจะไปกับครอบครัว ไปกับคู่ ไปกับเพื่อน ไปทัศนศึกษากับที่โรงเรียน เพื่อนร่วมงาน หรือไปลุยเองคนเดียว

แตงคิดว่า ถึงเวลาที่จะรวบรวมประสบการณ์ และข้อคิดที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเดินทางที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจอยากเที่ยวและชอบเที่ยว เป็นการรวบรวมความทรงจำและเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยก่อนที่จะเลือนหายไป โดยจะเน้นการเล่าเรื่องเพื่อแบ่งปับ ประสบการณ์ กระบวนการการเดินทางและถ่ายทอดความรู้สึก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สนใจเดินทาง

สำหรับโครงสร้างการเล่าเรื่องเพื่อไม่ให้สะเปะสะปะก็จะจัดเรียง แบ่งเป็นหมวดหมู่ทวีป และประเทศ เข่น เรียงลำดับตามเวลา(chronological order) ที่ไปตั้งแต่ปี 2000 และจากไกลเข้าหาปัจจุบันและใกล้บ้านเราขึ้น คัดสรรเพียงบางที่เป็นตัวอย่าง (highlights) ที่จะนำมาเล่ารายละเอียด

1. USA สหรัฐอเมริกา (2000-) New York นิวยอร์ค, Maryland แมรีแลนด์, Virginia เวอร์จิเนีย, Washington DC วอชิงตัน ดีซี, Miami ไมอามี, Alaska อลาสกา

Italic
2. Western Europe ยุโรปตะวันตก (2003-) Switzerland สวิสเซอร์แลนด์, France ฝรั่งเศส, Monaco โมนาโค, Italy อิตาลี, Netherlands เนเธอร์แลนด์หรือฮอลแลนด์, the United Kingdom อังกฤษ, Spain สเปน, Austria ออสเตรีย

3. The Ancient (2004-) Egypt อียิปต์, Greece กรีก, Turkey ตุรกี

4. Australia and New Zealand ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (2005-) รวมทั้ง Sydney ซิดนีย์, Melbourne เมลเบิร์น, Brisbane บริสเบน, Gold Coast, Cairns/ Great Barrier Reef, Alice Spring, Adelaide, Darwin ดาร์วิน, Tasmania ทัสมาเนีย

5. East Asia เอเซียตะวันออก (2006-) Japan ญี่ป่น, South Korea เกาหลีใต้, China จีน, Hong Kong ฮ่องกง, Macao มาร์เก๊า

6. South East Asia เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (2006-) Burma พม่า, Vietnam เวียดนาม, Laos PDR ลาว, Singapore สิงคโปร์, Malaysia มาเลเซีย

7. South Asia เอเซียใต้ (2008-) India อินเดีย

8. The Thai Smile (1981 :) ประเทศไทย

ที่วางแผนไว้ (wish-list) 9. Latin America อเมริกาใต้ (ประเทศไทยทำสนธิสัญญาร่วม จึงไม่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศบราซิล Brazil, ประเทศเปรู Peru, ประเทศอาเจนตินา Argentina) 10. Middle East and Africa ตะวันออกกลางและแอฟริกา 11. Russian รัสเซีย 12. Eastern Europe ยุโรปตะวันออก แต่ยังไม่รวมไว้ตอนนี้หรอก เก็บไว้เป็นภาค 2 โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิอิอิอิ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home